xs
xsm
sm
md
lg

“ประวิตร” เชื่อเจรจาสงบศึกได้ ไม่เกี่ยงพร้อมถกเขมรที่ไหนก็ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
“ประวิตร” เร่งเขมรถกจีบีซีสงบศึก 2 ชาติที่ไหนก็ได้ ลั่นทหารพร้อมรักษาชาติ แต่เชื่อรบกันยังไงก็ไม่จบต้องเจรจาอย่างเดียว บอกใช้อาวุธขาดเดียวกับเขมรตอบโต้ถือว่าเด็ดขาดแล้ว ยันไม่ใช้อาวุธเคมี ให้คิดเองศึกเขมรเอี่ยวการเมืองหรือไม่

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2554 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ามีการปะทะกันอยู่เล็กน้อยโดยอาวุธปืนเล็ก แต่ไม่ได้รุนแรงอะไร ซึ่งตอนนี้เราไม่ได้มีการพูดคุยหรือเจรจากับทางกัมพูชา แต่คงไม่เป็นไรเพราะประเทศอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนกำลังเข้ามาดำเนินการ เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศได้พูดจากัน คิดว่าไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน อย่างไรก็ต้องมีการเจรจาและพูดคุยกันว่าความต้องการของทั้ง 2 ประเทศคืออะไร ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่เคยละเมิดอธิปไตยของใคร แต่เราต้องดูแลรักษาอธิปไตยของเราไม่ให้มีความเสียหายเกิดขึ้น โดยทหารทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาประเทศชาติ ดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสงบตามแนวชายแดน โดยช่องทางที่จะเจรจาพูดคุยกันมีหลายช่องทางอยู่แล้ว ทั้งคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) และคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาระดับภูมิภาค (อาร์บีซี) ซึ่งเรามีความพร้อมที่จะพูดคุยกับกัมพูชาในทุกเรื่อง เพราะเราไม่ประสงค์ที่จะให้มีการสู้รบกันอย่างนี้ตลอดไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า การประชุมจีบีซีตามกำหนดการ เราต้องประชุมในเดือนมิถุนายน แต่ขณะนี้เราอยากให้จัดการประชุมเร็วขึ้นเพื่อที่จะสามารถพูดจากัน ซึ่งตามกำหนดการในการประชุมจีบีซีครั้งที่ 8 กัมพูชาต้องเป็นเจ้าภาพ แต่หากไม่พร้อมเราก็พร้อมจัดที่กรุงเทพฯ หรือจัดที่อื่นๆ เราก็พร้อมให้ไปที่ไหนเราก็ไป แม้แต่จะประชุมอาร์บีซีตนก็สามารถสั่งการให้แม่ทัพดำเนินการประชุมได้ตลอดเวลา

เมื่อถามว่า หากกัมพูชาเสนอให้จัดการประชุมจีบีซี ที่อินโดนีเซีย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดจากันว่าจะประชุมที่ไหน แต่ยืนยันเป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ จะไปประชุมที่อินโดนีเซีย หรือประชุมที่อื่นๆ ก็เป็นการประชุมระหว่างไทยและกัมพูชาไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น ดังนั้น จะจัดการประชุมที่ไหนคงไม่มีปัญหา ส่วนที่เคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปประชุมที่อินโดนีเซียเพราะเป็นการประชุมระหว่าง 2 ประเทศ จึงอยากให้เราจัดการประชุมกันเอง ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะไปกำหนดจุดว่าจะต้องไปประชุมว่าเป็นที่ไหน ส่วนตามแนวชายแดนยังไม่มีการปิดด่าน ประชาชนทั้ง 2 ประเทศสามารถไปมาหาสู่กันได้ตลอด

“การปะทะที่เกิดขึ้นไม่อยากให้ขยายวงกว้าง มีเหตุกรณ์พิพาทตรงไหนก็อยากจะจำกัดให้อยู่ตรงนั้น ซึ่งทางกัมพูชาแสดงเจตนาชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่อยากให้เกิดในที่อื่น เราก็สามารถพูดคุยกันได้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องในพื้นที่ เพราะมีเหตุสุดวิสัยหรืออย่างไรคงต้องมีการพูดจากัน ซึ่งผมและแม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงหน่วยทหารในพื้นที่มีความพร้อมในการพูดคุย ส่วนเหตุการณ์ปะทะในครั้งนี้จะมีเรื่องการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ คงต้องพิจารณาและคิดกันเอาเอง” พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อถามว่าจะประสานให้กัมพูชาดูแลทหารในระดับพื้นที่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ความจริงเราไม่ต้องประสาน เพราะมีเอ็มโอยู 43 ที่ดูแลและมีการพูดจากันหลายครั้งแล้วว่าจะต้องดำเนินการหรือปฏิบัติอย่างไร และถ้ามีเหตุเกิดขึ้นอย่างนี้ ก็ต้องดูแลกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งเราก็มีความพร้อม

เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีในการตอบโต้ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่าไม่มี ตนขอยืนยัน และในกองทัพไม่มีอาวุธแบบนี้ใช้ ทั้งนี้ ตนได้ให้นโยบายกับทางกองทัพไปว่า อาวุธที่กัมพูชาใช้มาอย่างไรเราก็ตอบโต้ไปอย่างนั้น เราตอบโต้ไปเฉพาะที่หมายทางทหารเท่านั้น เราจะไม่ทำอะไรที่เกินเลยไป เมื่อถามว่าประเทศไทยไม่ค่อยมีความเด็ดขาดทำให้กัมพูชาไม่มีความเกรงใจ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อย่างนี้ก็เด็ดขาดอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเราไม่ได้อยู่แค่ 2 ประเทศ เราอยู่ในสมาคมอาเซียน มีอะไรก็จะต้องใช้เวทีอาเซียนพูดคุยกัน ดังนั้น มีทางเดียวคือจะต้องพูดจากัน ไม่มีวิธีการอื่น การสู้รบไม่สามารถจะจบลงได้นอกจากพูดจากัน
กำลังโหลดความคิดเห็น