“มาร์ค” เจื้อยแจ้ว! เชื่อเขมรรุกฆาตไทยหวังยึดปราสาทตาควาย-เมือนธม

นายกฯ ความรู้สึกช้า ยอมรับเหตุเขมรยิงถล่มไทยหวังยึดปราสาทตาควาย-ตาเมือนธมเหมือนปราสาทพระวิหาร ผายลมปากหากเจรจาในระดับทวิภาคีอาจจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทยเสียที ง้างปากลั่นจะไม่ยอมให้ประเทศที่ 3 เข้าแทรกแซงอีกแล้ว แต่ยังหวังลมๆ แล้งๆ จับเข่าคุย “ฮุนเซน” ในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ต้นเดือนหน้าที่อินโดฯ ส่งสัญญาณกองทัพเตรียมความพร้อมได้แล้ว

วันนี้ (25 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากตรวจเยี่ยมด่านแม่เหาะ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ถึงกรณีที่นายนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย และในฐานะประธานอาเซียน ไม่เดินทางมาพบกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ตามกำหนดที่นัดไว้ในเย็นวันนี้ (25 เม.ย.) ว่า นายกษิตได้รายงานว่ายังไม่เรียบร้อยเพราะมีประเด็นที่ต้องรอดูในรายละเอียดอีกครั้ง แต่นายกษิตก็มีกำหนดจะเดินทางไปพบกับนายมารตีในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ย้ำว่าไทยพยายามที่จะให้เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลาย และเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย ซึ่งเราก็จะพยายามให้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ปรากฏ เพื่อประเทศต่างๆ จะได้ไปบอกกัมพูชาว่าจะควรหยุดเคลื่อนไหวหรือยิงเข้ามา หรือบุกรุก ยอมรับว่าจากรายงานมีความพยายามที่จะเข้ามายึดพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม และสร้างความเสียหาย แต่กองทัพยืนยันว่ามีความพร้อมตลอด ไม่ใช่เฉพาะจุดที่มีปัญหาหาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่มีการเตรียมการตลอดแนว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีรายงานว่ามีการนำปืนใหญ่ขึ้นไปไว้บนปราสาทพระวิหารนั้น นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของไทยก็จับตาและติดตามสถานการณ์ตลอด โดยให้กองทัพเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขอย้ำว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไทย-กัมพูชายังอยู่ในวิสัยที่จะคุยกันเองได้ในระดับทวิภาคี ไม่จำเป็นต้องให้ประเทศที่ 3 เข้ามา แต่ก็เป็นความพยายามของกัมพูชาที่มีเป้าหมายอยากจะยกระดับปัญหาขึ้น ซึ่งเราพยายามทำความเข้าใจกับทุกประเทศว่าหากยอมรับแนวทางเหล่านี้ ต่อไปจะเกิดปัญหาวุ่นวายไม่จบ โดยใครอยากให้เรื่องไปอยู่ในเวทีสากล ก็จะมีการสร้างเรื่องขึ้นมา ดังนั้นไม่ควรยอมรับในส่วนนี้ เพราะจริงๆ แล้วยังอยู่ในวิสัยที่สองฝ่ายคุยกันได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเป็นเพราะในช่วงเปลี่ยนผ่านจะหมดวาระรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีการคิดไปต่างๆ นานา แต่รัฐบาลย้ำว่าเราต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชนและให้ความสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ที่จะปฏิบัติภารกิจ ส่วนที่ทหารบอกว่าในระดับเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้ นายกฯ กล่าวว่า เป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะดึงประเทศอื่นมาร่วมปัญหาไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าใจว่ากัมพูชาจงใจพยายามที่จะไม่คุยเพื่อให้คนอื่นเข้ามา ซึ่งขอย้ำว่าไม่ได้ช่วยอะไร แม้มีประเทศอื่นเข้ามา สุดท้ายจะต้องคุยกันระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะเป็นปัญหาในพื้นที่และ 2 ประเทศ และอยู่ในครอบครัวของอาเซียนด้วยกัน

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ จะได้พบกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็จะต้องคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และย้ำว่าไม่จำเป็นต้องให้ประเทศที่ 3 เข้ามา เพราะถ้าปล่อยให้ประเทศที่ 3 เข้ามาจะยุ่งยากมากขึ้น

นายอภิสิทธิ์กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมด่านแม่เหาะ จ.แม่ฮ่องสอน โดยให้สัมภาษณ์ถึงปัญหายาเสพติดที่รัฐบาลมีการประกาศมาตรการคุมเข้มยาเสพติด แต่ยังยาเสพติดเล็ดลอดเข้ามาว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพยายามทำให้ได้ โดยต้องสกัดกั้นตลอดแนวที่เป็นแนวชายแดน เพราะพอเข้มงวดในส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะมีผู้ลักลอบเปลี่ยนจุดลักลอบ อย่างไรก็ตาม จะนำฐานข้อมูลในพื้นที่ด่านแม่เหาะ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถสกัดยาเสพติดได้มากที่สุดนำไปขยายในทุกพื้นที่ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกันได้ และย้ำว่าในส่วนของรัฐบาลจะบูรณาการกำลัง อุปกรณ์ และฐานข้อมูลเพื่อให้การปราบปรามและจับกุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังประเมินและสนับสนุนสิ่งที่ขาดอยู่ทุกจุดเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ ได้นั่งรถยนต์เพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่โรงเรียนแม่สะเรียงบริพัตรศึกษา และต่อเครื่องบินของกองทัพบก ที่กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ เพื่อเดินทางกลับ กทม.