ทร. หวั่นพลาดโอกาสงาม อ้างกระทบมั่นคงหากไม่ได้เรือดำน้ำ ชงเข้าสภากลาโหม 25 เม.ย. ด้านผบ.สส.ชี้ถึงเวลาได้เรือดำน้ำทำงานให้ชาติในอนาคต เชื่อกาลเวลาจะทำให้ ปชช. เข้าใจเหมือนกรณีเรือจักรีนฤเบศร
วันนี้ 22 เม.ย.2554 พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า การซื้อเรือดำน้ำเป็นภาพในการปฏิบัติการ 3 มิติ ทั้งพื้นน้ำพื้นดินและอากาศ ปัจจุบันภัยคุกคามเปลี่ยนไปจึงต้องมองถึงการป้องกันประเทศในอนาคต การรักษาอธิปไตยเหนือดินแดนการรักษาน่านน้ำและการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึงความพร้อมของเครื่องมือที่เหมาะสมในอนาคต เมื่อ 10 ปีที่แล้วก่อนมีเรือหลวงจักรีนฤเบศร ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่วันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าไปช่วยเหลือคนไทยและทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพไทยและประชาชน
ทั้งนี้หากได้เรือดำน้ำมาก็ต้องนำกำลังพลไปฝึกถึง5 ปี ที่ผ่านมากองทัพเรือได้มีการวางแผน แต่ที่ติดขัดเรื่องงบประมาณ แต่เมื่อถึงเวลาก็ควรจะมีเพื่อทำงานในอนาคต
พล.ร.อ.นิพนธ์ จักษุดุลย์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ จะมีการนำเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศเยอรมนี จำนวน 6 ลำ ตามวงเงินงบประมาณจำนวน 7.7 พันล้านบาท เข้าสภากลาโหม เพื่อผ่านวาระเพื่อทราบ ไม่ใช่เพื่อพิจารณา เพราะเป็นอาวุธที่เกิดขึ้นมาใหม่ของกองทัพเรือไทย เราเคยมีมาเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และเคยมีมาก่อนในประเทศอาเซียน
เมื่อถามว่า ขณะนี้ 100 เปอร์เซ็นต์หรือยังที่จะจัดซื้อจากประเทศเยอรมนี พล.ร.อ.นิพนธ์ กล่าวว่า ด้วยปัจจัยด้านงบประมาณแล้ว มีโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะได้ เป็นเรือดำน้ำขนาดเล็กที่สามารถนำมาปฏิบัติการในอ่าวไทยได้ดี และในราคาที่เราสามารถซื้อได้ และเรามีงบประมาณในการจัดซื้อได้ เมื่อถามว่าถ้าไม่ได้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ พล.ร.อ.นิพนธ์ กล่าวว่า ก็คงเป็นเช่นนั้น