“สาทิตย์” เผยยอดขอความช่วยเหลือน้ำท่วมเยอะกว่าเข้าเกณฑ์จ่ายจริง ชี้มีสัญญาสมัครใจเฉลี่ยเงินเยียวยาให้ผู้ไม่เข้าเกณฑ์ ทำให้ได้เงินน้อยลงกว่าครึ่ง ยันไม่มีการทุจริต คนเข้าเกณฑ์ได้รับ 5,000 บาทครบถ้วน ส่วน จ.นครศรีฯ บางรายยังไม่ได้เงิน เหตุมียอดขอเพิ่มซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
วันที่ 21 เม.ย. 2554 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) กล่าวว่า จากที่มีข่าวว่าชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมบางรายได้รับเงินช่วยเหลือน้อยกว่าที่กำหนดจ่ายครอบครัวละ 5,000 บาทนั้น หลังจากตรวจสอบพบว่า จากที่ราษฎรแจ้งความเสียหายมาจำนวน 951ราย เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือเพียง 442ราย จากนั้นได้รายงานยอดผู้เสียหายไปยัง จังหวัดพัทลุง เพื่อรายงานต่อไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นเงินได้รับการช่วยเหลือมาจำนวน 2,211,000 บาท และได้มีการทำประชาคมราษฎรทุกหมู่บ้านตกลงยินยอมให้มีการเฉลี่ยเท่ากัน โดยมีการลงนามไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ เมื่อมาเฉลี่ย 951 ราย ก็จะได้รายละ 2,323 บาท เช่นเดียวกับที่หมู่ 8 ต.ลำปำ จ.พัทลุง แสดงให้เห็นว่า การอนุมัติจ่ายเงินของปภ.เป็นการจ่ายตามรายชื่อที่ จ.พัทลุงส่งมา ดังนั้นจึงเป็นไปตามความสมัครใจของประชาชนเอง จึงไม่ใช่การทุจริต หักหัวคิว แต่เป็นความยินยอม แต่เมื่อมีการร้องเรียนขึ้นมาก็ได้ขอให้ทางจังหวัดตรวจสอบและลงไปทำความเข้าใจกับประชาชน
นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า นายพิสิษฐ บุญช่วง ผู้ว่าฯ พัทลุงได้ทำหนังสือมาถึงตน โดยได้รายงานว่าจังหวัดได้รับรายงานจากอำเภอเขาชัยสนว่า ราษฎรบ้านแวหมู่ 6 บ้านคลองขุดหมู่ 8 ได้ยื่นข้อเรียกร้อง ซึ่งผู้ว่าฯ ได้ให้นายอำเภอไปชี้แจงรายละเอียด ซึ่งผู้ชุมนุมได้เข้าใจและสลายตัวไปแล้ว รวมทั้งกรณีหมู่ 8 อ.ลำปำ จ.พัทลุงด้วยว่าไม่มีการทุจริต
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะประธาน คชอ.ยืนยันว่า ทุกคนที่รับเงินจะต้องได้รับเงิน 5,000 บาทครบถ้วน แต่ถ้าเป็นความสมัครใจของราษฎรในพื้นที่ที่จะให้มีการเฉลี่ยเราก็ไม่สามารถเข้าแทรกแซงได้ ยกเว้นมีการทุจริตหรือมีการข่มขู่ ส่วนกรณีราษฎรที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นั้น เป็นเรื่องการมาสอบถามว่าทำไมยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราชก็ได้ชี้แจงไปแล้วในเรื่องเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท รอบปี 2553 ซึ่งเดิมจังหวัดประเมินมาว่าจะต้องจ่ายเงิน 24,000 กว่าครัวเรือน ซึ่งส่วนนี้ได้จ่ายไปแล้ว แต่ภายหลังมีการยื่นมาอีก 71,000 กว่าครัวเรือน จึงได้ส่งอนุกรรมการฯ เข้าไปตรวสอบและได้จ่ายเพิ่มเติมไป 38,000 ครัวเรือนแล้ว