นายกฯ มอบ “ไตรรงค์” ดูแลปัญหาราคาไข่ไก่แพง ขู่เล่นงานพวกฉวยโอกาสขึ้นราคาไม่สมเหตุผล เผย เงินชดเชยน้ำท่วมรอบแรกถึงมือชาวใต้ ศุกร์นี้ วอน ลาว เห็นใจเพื่อนบ้าน สร้างเขื่อนไซยะบุรี มอบเอ็มอาร์ซีพิจารณา ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาราคาไขไก่ ว่า ขณะนี้ยังมีความพยายามของกลุ่มคนบางกลุ่มที่จะขึ้นราคา และมีความเป็นไปได้ว่า ตรงนี้จะต้องให้มีความชัดเจนในแง่ของนโยบายระดับรัฐบาลมากขึ้น เพราะบางทีเจ้าหน้าที่ที่ไปดำเนินการอยู่ อาจจะไม่สามารถดำเนินการตามเป้าหมายของรัฐบาลได้ ตนเองเลยคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ และ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมที่เข้ามาดูอีกทางหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายไตรรงค์ เมื่อเข้ามาดูแล้วจะสามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวตนจะนัดคุย เนื่องจากยังไม่ได้คุยในรายละเอียด เพียงแค่มอบหมายให้ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เฉยๆ เพื่อให้ทางหน่วยงานได้ทราบ และยืนยันว่า ใครที่จะพยายามทำให้สินค้าขึ้นโดยไม่สมเหตุสมผล รัฐบาลไม่ปล่อยผ่าน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมและภัยพิบัติต่างๆ ว่า ได้มีการเร่งรัดการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เรื่องที่อยู่อาศัยก็ยังมีความกังวลอยู่ โดยเฉพาะในหลายจุดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็มีปัญหา เพราะที่อยู่อาศัยเดิมเป็นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ก็ได้มอบหมาย และพยายามเร่งรัดกันอยู่ และได้มอบไปแล้วว่าภายในสัปดาห์ สองสัปดาห์นี้ หลักเกณฑ์ความช่วยเหลือจะต้องเรียบร้อยทั้งหมด ทั้งเรื่องของผู้ประกอบการ ลูกจ้าง ปัญหาประกันภัย อย่างไรก็ตาม สำหรับเงินชดเชยรอบแรกจะถึงมือประชาชนในวันศุกร์นี้
พร้อมกล่าวถึงจุดยืนของประเทศไทยต่อโครงการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี หลังเครือข่ายภาคประชาชน ออกมาคัดค้านในเรื่องดังกล่าว ว่า ตรงนี้เราได้เอาข้อสังเกต รายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แล้วก็ได้ยื่นไป เข้าใจว่า ทางสำนักงานคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ เอ็มอาร์ซี กำลังพิจารณากันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดยืนของไทย คิดว่า ควรจะสร้างเขื่อนต่อไป หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถ้าเราบอกให้ว่าจะสร้าง ต้องให้ทางเอ็มอาร์ซีเขาพิจารณา แม้ว่าจริงๆ แล้ว ที่ตั้งจะอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่ว่าก็ต้องมีความห่วงใยต่อประเทศอื่นๆ ด้วย ฉะนั้น ในกรอบของเอ็มอาร์ซีก็น่าจะเป็นกรอบที่เหมาะสมในการพิจารณาเรื่องนี้ และเอาข้อมูลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเรื่องต่างๆ ที่เป็นห่วงเป็นใยกันเข้ามา ทั้งนี้ ตนได้มีการติดตามข้อมูลอยู่ เพราะความเข้าใจในบางเรื่องก็ยังไม่ตรงกัน
เมื่อถามว่า แต่เห็นจุดยืนของภาคประชาชนของไทยเอง เป็นห่วงว่า จะได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าวด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องดู ตนยกตัวอย่างที่ตนสอบถามไปล่าสุด เขาก็ยืนยันว่า เป็นฝายน้ำล้น ไม่ได้เป็นการกักเก็บน้ำ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีผลกระทบ แต่หมายถึงว่าผลกระทบจะไม่ได้เป็นเหมือนกรณีมีการกักเก็บน้ำ และข้อห่วงใยในผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ก็มีการนำเสนอผ่านมา
“อยากจะขอภาคประชาชนว่าอยู่กับข้อเท็จจริงหน่อย เขียนพาดพิงถึงผมก็ไม่จริงเลยครับ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่า ทางลาวจะรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายไทย หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า เขาต้องฟังทั้งหมด เพราะอยู่ในกรอบของเอ็มอาร์ซีที่จะช่วยดูแล เพราะเป็นข้อตกลงอย่างน้อยที่สุด คือ ทุกคนต้องตระหนักถึงการที่แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงหลายประเทศ ฉะนั้น ในความรู้สึกของการที่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีดีต่อกัน ตนเชื่อว่า ทุกประเทศก็รับฟัง
