“นพเหล่” อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ชูนโยบายนิรโทษกรรม คืนสิทธิ คืนความชอบธรรมและเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบจากการยึดอำนาจให้ทุกคน ทุกสี เพื่อสร้างความปรองดอง ทั้งที่ความจริง คือ ช่วย “นช.แม้ว” และพรรคพวกให้พ้นผิด ไม่ต้องรับโทษ และถูกยึดทรัพย์ แถมท้า ปชป.งัดนโยบายมาสู้กัน ขณะเดียวกัน ยังชวนลงสัตยาบัน พรรคไหนได้เสียงมากสุดได้จัดตั้งรัฐบาล
วันนี้ (10 เม.ย.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถลงว่า ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทย ทำเพื่อคนๆ เดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอการนิรโทษกรรมนั้น เป็นการกระทำเพื่อตนเองนั้น ขอแถลงว่า พรรคเพื่อไทย มองอนาคตของประเทศเป็นหลัก และรู้ว่า ปัญหาของประเทศ คือ ความแตกแยก จากการที่ไม่มีความยุติธรรม และสองมาตรฐาน และในขณะนี้ประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจ และเข้ายุคข้าวยากหมากแพง ค่าครองชีพสูงมาก พรรคเพื่อไทย จึงมีแนวทางที่ชัดเจนที่จะแก้ปัญหาที่สำคัญใน 2 เรื่องนี้
“โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ละพรรคต้องสู้กันที่นโยบายให้ประชาชนพิจารณา โดยฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย จะเสนอให้มีการคืนสิทธิ และคืนความเป็นธรรม และเยียวยาเหยื่อของความอยุติธรรม ที่เกิดขึ้นจากการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ในเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ซึ่งการคืนความเป็นธรรมนั้น จะทำให้กับทุกคน โดยไม่เลือกสี เลือกข้าง ซึ่งเมื่อบ้านเมืองมีความยุติธรรมแล้วเท่านั้น ความปรองดองจึงจะเกิดได้ ถ้าการคืนสิทธิการเมืองจะทำให้การแข่งขันของพรรคการเมืองเข้มข้นขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ควรยอมรับ เพราะพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้งทุกครั้งในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา และประชาชนควรเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี”
ส่วนในประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เตรียมการที่จะไม่ยอมรับผลเลือกตั้งนั้น พวกเราไม่เป็นพวกขี้แพ้ชวนตี และยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และนิยมการเลือกตั้ง และจะไม่บอยคอตการเลือกตั้ง เพื่อทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเช่นที่เกิดขึ้นในอดีต และจะไม่เรียกร้องหาตัวช่วย หากแพ้เลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ อย่างตรงไปตรงมา โดยการเอานโยบายมาสู้กัน ในปลายเมษายนที่จะถึงนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะเปิดนโยบายที่เบ็ดเสร็จครบทุกมิติ ให้พี่น้องประชาชนพิจารณา
“ขอเชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ ไสช้างออกมาสู้กันทางนโยบาย เพราะประชาชนจะได้ตัดสินว่าของใครเจ๋ง และโดนกว่ากัน นอกจากนั้น ดูว่าประชาชนเชื่อว่าใครน่าเชื่อถือในการนำนโยบายไปทำให้เกิดผลมากกว่ากัน และดูว่าประชาชนจะเลือกอดีตและปัจจุบันที่ขมขื่น หรือจะเลือกการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่สดใส และขอเชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ให้เคารพการตัดสินใจขอประชาชน และลงสัตยาบันว่า พรรคใดได้ที่นั่ง ส.ส.มากที่สุด จะเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล ผมถามว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมหรือไม่ที่จะลงสัตยาบันดังกล่าว” นายนพดล กล่าว