“โฆษกมาร์ค” บอกไม่แปลก “เสนาะ” จะร่วมงานกับเพื่อแม้ว เพราะเป็นคนพันธุ์เดียวกัน ท้า “เฒ่าเหนาะ” เอาผลงานมาดูกัน อย่ามองแค่ “มาร์ค” เป็นเด็กเพราะอายุน้อย เย้ยเพื่อไทยปากกล้าขาสั่น เร่งนายกฯ ยุบสภาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีความพร้อมในการเลือกตั้ง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวนายเสนาะ เทียนทอง หัวพรรคประชาราช จะย้ายไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะพรรคเพื่อไทยจะได้มีหัวหน้าพรรคตัวจริงเสียที หลังจากที่ได้ติดต่อบุคลลหลายๆ คนเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาตลอด ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความกังวลต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทางพรรคเพื่อไทยควรจะต้องตรวจการทำงานของนายเสนาะดูบ้างว่าเคยเข้าร่วมงานกับที่ประชุมรัฐสภาบ้างหรือไม่ ส่วนตัวตนไม่แปลกใจที่นายเสนาะจะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นคนพวกเดียวกัน แต่ถ้าคนในพรรคเพื่อไทยจะลืมได้ว่านายเสนาะเคยมีความสัมพันธ์อย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ได้ก็คงดี
นายเทพไทกล่าวต่อว่า กรณีที่นายเสนาะออกมาระบุว่า การบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เหมือนเป็นการเอาเด็กมาบริหารนั้น ตนคิดว่านายอภิสิทธิ์อยู่ในช่วงอายุของการทำงาน อีกทั้งหากนายอภิสิทธิ์เด็กจริงก็คงไม่สามารถพาประเทศผ่านวิกฤตจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงสร้างความวุ่นวายในประเทศได้ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าไม่ควรนำเรื่องอายุมาเปรียบเทียบในวงการการเมือง แต่ควรที่จะนำผลงานมาคุยกันมากกว่า
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องรัฐบาลทำการยุบสภาทันทีหลังเกิดเหตุการณ์สภาล่มมา 3 ครั้งติดต่อกันว่า ตนอยากจะถามกลับไปที่พรรคเพื่อไทยว่าสาเหตุที่สภาล่มมาจากใคร พรรคเพื่อไทยเป็นพวกปากกล้าขาสั่น เรียกร้องให้ยุบสภา แต่ในความเป็นจริงตัวเองยังไม่มีความพร้อมในการเลือกตั้งเลยสักด้านเดียว ทั้งนี้หากจะให้ยุบสภาทางรัฐบาลก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีเงื่อนไขอยู่ 3 ข้อ คือ ทาง กกต.ยังไม่สามารถที่จะแบ่งเขตเลือกตั้งและกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับก็ยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้มี กกต.บางคนลาออกได้ และอาจจะมีปัญหาตามมาอีก รวมไปถึงปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ด้วย
ส่วนกรณีที่มีการโยนความผิดมาที่นายอภิสิทธิ์ว่าเป็นสาเหตุของสภาล่มนั้น นายเทพไทกล่าวว่า การระบุวันในการยุบสภาที่นายอภิสิทธิ์ประกาศนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำตามกติกาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากจะมาโยนความผิดให้กันเช่นนี้ ตนคิดว่าไม่ยุติธรรม และทาง ส.ส.น่าจะถามตัวเองบ้างว่าใครผิด