แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีมัฆวานพร้อมกัน ปัดข่าวลือถวายฎีกา 6 เม.ย. พร้อมโต้ข่าวลือแตกค “สนธิ” ซัดพวกอัปมงคลปล่อยข่าวทำลาย ระบุพันธมิตรฯ ผูกพันกันด้วยความถูกต้องและทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่หลงตัวบุคคล ย้ำต้อง “โหวตโน” หยุดยั้งการเมืองสกปรก อัปรีย์ไปจัญไรมา เตือนอีก 3 ปี หากเมืองไทยยังไร้ผู้นำซื่อสัตย์กล้าหาญ รับมือภัยพิบัติครั้งร้ายแรงไม่อยู่แน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 30 มี.ค.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วยนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย ได้ขึ้นเวทีที่สะพานมัฆวานรังสรรค์พร้อมกัน โดยมีการเปิดเพลงเทียนแห่งธรรมก่อนที่จะมีการปราศรัย เริ่มจากนายสนธิ ที่ปราศรัยว่า วันนี้ตนไปร่วมงานเผาศพบิดาของเพื่อนมา ก็มีข่าวอัปมงคลจากคนอัปมงคล ข่าวแรกบอกว่าวันที่ 6 เมษายนนี้ พันธมิตรฯ จะเดินขบวนไปถวายฎีกาแล้วสลายการชุมนุม ข่าวที่ 2 กล่าวหาว่ามีการแตกแยกระหว่างการแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งที่จริงแล้วการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่งานของพันธมิตรฯ แต่เป็นงานของประชาชนผู้รักชาติ ใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรฯ ขอให้รักชาติก็เข้ามาร่วมได้
นายสนธิกล่าวต่อว่า พันธมิตรฯ เริ่มต้นเมื่อตอนปลายปี 2548 ซึ่งจุดเริ่มต้นในการรวมตัวของพันธมิตรฯ ก็คือความถูกต้องในสังคม หมายถึงจริยธรรม คุณธรรม ไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น ความผูกพันระหว่างเรากับพี่น้องนั้นอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการหลงในตัวบุคคล เรื่องอะไรที่เป็นปัญหาของชาติบ้านเมืองแล้ว เราพร้อมที่จะออกมาต่อสู้และเชิญชวนพี่น้องอีกหลายกลุ่มหลายฝ่ายแม้ไม่ใช่พันธมิตรฯ ให้ออกมาร่วมต่อสู้ เหมือนกรณีเขมรและเขาพระวิหาร
“เราพูดมาตลอดเวลาว่าการเมืองครั้งนี้เป็นการเมืองที่สกปรก อัปรีย์ไปจัญไรมา เราต้องยุติการเป็นตัวประกันให้พรรคประชาธิปัตย์ที่เอาไปพูดว่าไม่เลือกเราเขามาแน่ ทั้งที่จริงๆ แล้วถึงเลือกเราเขาก็มา เพราะมันเลวทั้งคู่ พวกเราถึงรณรงค์ให้ “โหวตโน” ซึ่งนัยของมันคือ การปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราจะโหวตโนหมด ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองใหม่ เพราะเราได้พูดที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วว่า การตั้งพรรคการเมืองก็เพื่อหวังให้การเมืองดีขึ้น พรรคการเมืองใหม่ต้องเป็นเครื่องมือของพันธมิตรฯ ไม่ใช่เจ้านายของพันธมิตรฯ ถ้าพี่น้องเห็นว่าการเมืองแบบนี้เป็นการเมืองน้ำเน่า พรรคการเมืองใหม่ไม่ควรจะส่งคนลงเลือกตั้ง พรรคการเมืองใหม่ก็ควรจะฟังปรัชญานี้ ในฐานะที่พันธมิตรฯ เป็นเจ้าของพรรคการเมืองใหม่ หากกติกานี้ สมาชิกพรรคการเมืองใหม่คิดว่าไม่ยอมรับ แต่ไปยอมรับกติกาของ กกต. พรรคการเมืองใหม่กับพันธมิตรฯ ก็ต้องแยกทางกันเดิน”
“โหวตโน คือสิทธิทางประชาธิปไตย ไอ้อีคนไหนบอกว่าโหวตโนไม่ใช่ประชาธิปไตย พี่น้องต้องถอดรองเท้าตบหน้ามันซะ” นายสนธิกล่าว และว่า เหมือนการเอากับข้าวมาวางบนโต๊ะ แล้วให้เราเลือกว่าจะกินอะไร เราเลือกไม่กินก็ได้ เพราะเรารู้ว่าคนทำมันเกลียดเรามันแอบถุยน้ำลายใส่กับข้าว และมันทำกับข้าวสกปรก อุปมาอุปมัยเหมือนการเมืองขณะนี้ที่มันเลวหมด อัปรีย์ไปจัญไรมา เราไม่เอา เราต้องการอาหารบนโต๊ะที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ
นายสนธิกล่าวต่อว่า ความผูกพันระหว่างตนกับแกนนำแต่ละคน สัมพันธ์กันด้วยจิตวิญญาณ แต่เมือไหร่ที่ตนทำผิด พล.ต.จำลองหรือคนอื่นๆ ก็ไม่คบกับตน เพราะฉะนั้นแล้วคนที่เขียนเรื่องความแตกแยกของแกนนำพันธมิตรฯ คงไปฟังคำพูดของคนบางคนที่ต้องการให้พันธมิตรฯ แตกแยกมา
ทั้งนี้ นายสนธิได้ปราศรัยเพิ่มเติมว่า ตนสู้มา 2-3 ศึกแล้ว และคงต้องตายในฐานะพันธมิตรฯ เมื่อได้สู้มาแล้ว เมื่อคุณธรรมจริยธรรมมาอยู่ข้างหน้าแล้ว มันปฏิเสธไม่ได้ เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เหมือนที่ตนเคยบอกว่า พล.ต.จำลองได้มาพบแล้วบอกว่า การต่อสู้เรื่องเสียดินแดนนั้นตนยอมไม่ได้ สนธิจะไม่ร่วมก็ไม่เป็นไร แต่ตนบอกว่าจะร่วมต่อสู้ด้วย เพราะสิ่งที่ พล.ต.จำลองสู้นั้นเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ตนต้องเข้าร่วม นี่คือจิตวิญญาณที่เราจะทำเพื่อส่วนรวม ไม่จำเป็นต้องมีสนธิสัญญา ถ้าเป็นการทำเพื่อส่วนรวม เราต้องเข้าร่วม
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนได้พูดไปแล้วว่าภัยพิบัติเริ่มใกล้ประเทศไทยเข้ามาแล้ว วันก่อนก็เพิ่งเกิดแผนดินไหวที่ภาคเหนือ และน้ำก็ท่วมภาคใต้อีกครั้ง ถ้าเรามีนักการเมืองอย่างนี้มันแก้ไม่ได้ เพราะนักการเมืองคิดแต่จะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ต่างจากพันธมิตรฯ ที่เสียสละเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งคราวที่แล้วพี่น้องบริจาคมา 10 ล้านกว่าบาท ยังเหลืออยู่ 7 ล้านบาท จึงมีเงินเหลือที่จะนำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้โดยที่ไม่จำเป็นต้องรบกวนพี่น้องอีก แต่จะใช้เงินที่เหลืออยู่ให้หมดก่อน โดยเงินที่ได้รับบริจาคมาทุกบาททุกสตางค์ถึงมีอพี่น้องผู้ประสบภัย มีหลักฐานการใช้เงินและมีภาพถ่ายการช่วยเหลือให้เห็นชัดเจน ไม่เหมือนนักการเมืองที่ลงไปช่วยต้องรอให้ทีวีมาถ่ายก่อนค่อยแจกของ
นายสนธิกล่าวต่อว่า วันนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ บอกว่า เงินที่จะไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมไม่มีแล้ว รัฐบาลต้องไปหามาจากที่อื่น แต่ป้ายโฆษณาพรรคประชาธิปัตย์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณทางไปสนามบินสุวรรณภูมิใช้งบประมาณถึง 1 พันกว่าล้านบาท เพราะการเมืองเป็นแบบนี้ เราจึงต้องโหวตโน พรรคการเมืองไหนเราไม่เอาทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเดือดร้อนมาโจมตีเราว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่นายกฯ ก็เคยพูดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ว่าการโหวตโนเป็นสิทธิของประชาชน
นายสนธิย้ำว่า จากนี้ไปอีก 3-4 ปีข้หน้า ถ้าเราไม่มีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์กล้าหาญทำเพื่อส่วนรวม ประเทศไทยจะเจอภัยพิบัติจนแก้ไขไม่ได้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ไม่สนใจที่จะสร้างคลองระบายน้ำเตรียมไว้ให้พร้อม มัวแต่ไปทำสกายวอล์กความยาว 50 กิโลเมตร ใช้งบประมาณกิโลเมตรละ 300 ล้านบาท เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าไม่เกะกะ คิดได้แค่นี้ นี่คือการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์