ที่ประชุม“ปชป.” เสียงแตก โยนที่ประชุมร่วม ถกว่าจะลงมติรับร่างเจบีซีทั้ง 3 ฉบับหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ เกรงหากเร่งรีบลงมติรับทราบอาจขัดต่อศาลรธน.ตีความ
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมส.ส. โดยมีนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ รองประธานส.ส. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมโดยมีแกนนำอาวุโสเข้าร่วม อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา นายวิทยา แก้วภราดัย และมีส.ส.เข้าร่วมประชุมไม่ถึง 30 คน ขณะที่แกนนำคสำคัญอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรค ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรณีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา จะสามารถลงมติการรับทราบรายงานบันทึกผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) จำนวน 3 ฉบับ ที่คณะกรรมการธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วได้หรือไม่
นายวิทยา กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเบื้องต้น อาจจะมีการขอมติจากสภาว่า เห็นด้วยกับรายงานหรือไม่ ซึ่งถ้าเห็นชอบจึงจะนำรายงานทั้ง 3 ฉบับมาพิจารณาว่า จะลงมติเลยหรือไม่ โดยรัฐบาลต้องชี้แจงต่อรัฐสภาก่อนว่าเนื้อหารายงานนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หากลงหรือไม่ลงมติจะเป็นอย่างไร แตกต่างอย่างไร จากนั้นที่ประชุมรัฐสภาจะลงคะแนนตัดสิน เนื่องจากกรณีนี้มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว ซึ่งยังไม่ทราบว่าศาลจะใช้เวลาพิจารณาเท่าใด
ด้านนายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ในเรื่องของการลงมติเจบีซีทั้ง 3 ฉบับอยู่ โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่า การประชุมในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) จะไม่สามารถลงมติได้ เนื่องจากทราบว่าจะมีคนไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งทำให้สภาไม่สามารถลงมติได้ เพราะเรื่องนี้จะกระทบได้หากทำไปก่อนที่ศาลจะลงมติวินิจฉัย ซึ่งสภาคงทำได้เพียงรับทราบรายงานการประชุมและรับทราบข้อสังเกตของกมธ.วิสามัญฯ เท่านั้น แต่ทั้งนี้ที่ประชุมก็แสดงความเป็นห่วงว่า หากไม่มีการลงมติเจบีซีจะทำให้การปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชาเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งก็คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังไม่มีมติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเสนอให้นำเทปที่นายกฯ ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาในสภาในข้อกล่าวหาว่า ขายชาติ ขายแผ่นดิน มาฉายซ้ำออกทางโทรทัศน์ และวิทยุอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะข้อกล่าวหาดังกล่าวมีความร้ายแรงเป็นอย่างมาก และอาจจะทำให้กระทบกับคะแนนเสียงของพรรคได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวนยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อที่ประชุมในการทำหน้าที่ของทีมโฆษกและส.ส.ในการชี้แจงข้อมูล โดยย้ำว่า ขอให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้นำข้อมูลข้อเท็จจริงมาชี้แจงในทุกประเด็น ในทุกข่าว เพราะจะทำความเข้าใจผิดต่อประชาชนและถูกนำไปบิดเบือนต่อได้ เพราะขณะนี้นายกฯ เองคอยชี้แจงทุกอย่างทำหน้าที่เหมือนเป็นโฆษกไปในตัว ซึ่งในข้อเท็จจริงทุกคนต้องช่วยกัน ทีมโฆษกเองก็ทำหน้าที่อ่อนไป