เลขาฯ กก.สรรหา ส.ว.เผยมติ กก.เห็นชอบให้ ส.ว.สรรหาเหลือ 73 คน หลังบึงกาฬเป็นจังหวัดแล้ว รับมีเรื่องร้องเรียนเพียบ สั่งตรวจสอบข้อมูลละเอียด ประสานทหารขอเครื่องมือสแกนอุปกรณ์ดักฟัง พร้อมตัดสัญญาณมือถือระหว่างประชุม
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาส.ว. เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ พ.ร.บ.การจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ประกาศให้มีผลบังคับใช้แล้ว คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ได้มีมติเห็นชอบกำหนดจำนวน ส.ว.สรรหาจากเดิม 74 คน เหลือ 73 คน เพื่อสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ ส.ว.มีจำนวนทั้งสิ้น 150 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน โดยจังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดที่ 77 ส่งผลให้ ส.ว.ที่มาจาก การเลือกตั้งมีจำนวนเพิ่มขึ้น คือ 77 คน ส่วนการแบ่งสัดส่วน ส.ว.สรรหา จำนวน 73 คน ในแต่ละภาคองค์กรนั้น คณะกรรมการสรรหาฯ ได้ยึดหลักเกณฑ์จำนวนองค์กร และจำนวนคนที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยองค์กรที่มีการลงทะเบียนจำนวนน้อยที่สุดจำนวน ส.ว.ก็จะน้อยลงตามสัดส่วน คือ องค์กรภาคเอกชน จำนวน 15 คน องค์กรภาควิชาชีพจำนวน 15 คน องค์กรภาคอื่น จำนวน 15 คน องค์กรภาครัฐ จำนวน 14 คนและองค์กรภาควิชาการ จำนวน 14 คน
นายสุทธิพลยังกล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบประวัติพฤติการณ์บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อนั้น ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาพอสมควรส่วนใหญ่เกี่ยวกับบุคคลที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมส่อไปในทางแสวงหาผลประโยชน์นอกจากนี้บางบุคคลอยู่ระหว่าง การถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องทุจริตพร้อมแนบเอกสารมาประกอบ แต่ปรากฏว่าข้อมูลไม่สอดคล้องกัน ขณะเดียวกัน มีผู้สมัครบางรายแจ้งว่าได้ขอลบรายชื่อออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไปแล้วแต่ยังปรากฏว่ามีรายชื่อในพรรคการเมืองนั้นๆ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำนักงานกกต.สามารถตรวจสอบได้จึงดำเนินการให้ด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งคณะกรรมการ สรรหาฯ ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำเรื่องการตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกเนื่องจากการสรรหา ส.ว.มีการเสนอชื่อเข้ามาจำนวนมากการแข่งขันค่อนข้างสูงจึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบและรอบด้านเพราะเกรงว่าอาจเกิดการกลั่นแกล้งกันได้
นายสุทธิพลกล่าวอีกด้วยว่า ในเรื่องนี้สำนักงานกกต.จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนส่งไปให้คณะ อนุกรรมการกลั่นกรองในภาคที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไปแล้วจะนำข้อมูลทั้งหมด จัดทำสรุปเป็นข้อสังเกตมอบให้คณะกรรมการสรรหาฯ เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไปนอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงแบบฟอร์มเพิ่มราย ละเอียดการรายงานผลการตรวจสอบข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ที่สำนักงาน กกต.ได้ส่งข้อมูลไปให้ตรวจสอบ ส่วนบุคคลที่ถูกเสนอชื่อมามากกว่า 1 องค์กร คณะกรรมการสรรหาได้วางหลักการว่าให้พิจารณาเลือกเพียง 1 องค์กร ที่ลงทะเบียนก่อนเป็นลำดับแรกเท่านั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะบางครั้งในการลงทะเบียนไว้ภาคหนึ่งแล้วเห็นว่าอีกภาคหนึ่งมีองค์กรมา สมัครน้อยกว่าก็จะขอเปลี่ยนจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ คณะกรรมการสรรหาฯ จึงมีมติพิจารณาเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น และมีการนัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 31 มี.ค.เวลา 14.00 น.ในการส่งมอบเอกสารการตรวจสอบประวัติบุคคลของคณะอนุกรรมการสรรหาฯ ชุดต่างๆเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาฯ ต่อไป
นายสุทธิพลเปิดเผยด้วยว่า การสรรหา ส.ว.ในครั้งนี้ได้มีการเพิ่มมาตรที่เข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาการดักฟัง ข้อมูลซึ่งได้ดำเนินการประสานไปยังหน่วยงานทหารและวิทยุการบินเข้ามาตรวจ สแกนเครื่องอุปกรณ์แปลกปลอมชุดดักฟังต่างๆ ในห้องประชุมเพื่อให้คณะกรรมการเกิดความสบายใจว่าไม่มีเครื่องดักฟังหรืออุปกรณ์ใดๆ แปลกปลอมอยู่ในห้องประชุมซึ่งหลังจากการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจะทำการปิดล็อก ห้องจนกว่าจะมีการประชุมในครั้งต่อไป และจนกว่าการสรรหา ส.ว.จะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ได้นำเครื่องตัดสัญญาณมือถือมาทดลองในในระหว่างที่มีการประชุม ครั้งที่ผ่านมาด้วย
“เนื่องจากการสรรหา ส.ว.ครั้งนี้มีกระแสข่าวการแข่งขันค่อนข้างสูงอาจทำให้คณะกรรมการสรรหาฯ เกิดความกังวลเกี่ยวการดักฟังสัญญาณในการประชุมว่า ข้อมูลการประชุมจะไม่เป็นความลับ จึงได้นำเทคโนโลยีการตัดสัญญาณต่างๆ มาใช้เพื่อให้คณะกรรมการเกิดความสบายใจว่าข้อมูลในการประชุมต้องรักษาเป็นความลับอย่างแท้จริง ซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นการป้องกันอย่างเต็มที่เพื่อให้การสรรหา ส.ว.ครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดความโปร่งใสอย่างแท้จริง” นายสุทธิพลกล่าว