ย้ายทหารกลางปี “ประวิตร” ดัน “คณิต” ข้ามห้วยเป็น “ปธ.ปษ.กห.” จ่อเก้าอี้ “ปลัด กห.” ส่วน “ประยุทธ์” ตบรางวัล “วลิต” ผบ.พล.2 ผลงานปราบเสื้อแดง 10 เม.ย.ขึ้นเป็น “รองแม่ทัพ” ขยับน้องอนุพงษ์ขึ้น “พลเอก” ให้รางวัลก่อนเกษียณ ฮือฮาย้าย “พิสิทธิ์” รอง ผบ.พล.1 รอ. ข้ามห้วย เป็น ผบ.พล.2 รอ.พร้อมเปลี่ยน “แม่ทัพน้อย 2-3” นายพลหญิง ตั้ง ผบ.พล.ร.7 และพล.ม.3 ไม่ทัน
ผู้สื่อขาวรายงานว่า ที่ 25 มี.ค.ได้มีการแจกจ่ายสำเนาคำสั่ง ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 132 คน โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ทั้งนี้ การปรับย้ายนายทหารกลางปีครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการตอบแทนรางวัลให้กับ นายทหารที่ใกล้เกษียณราชการ และหมุนเวียนตำแหน่ง แต่ที่ฮือฮาเมื่อการโยกย้ายครั้งนี้ มีการวางตัว 2 นายทหารจากบูรพาพยัคฆ์ คือ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม เพื่อจ่อตำแหน่งปลัดฯ กลาโหม ในการโยกย้ายตุลาที่จะถึง เช่นเดียวกับ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อเก้าอี้ แม่ทัพภาคที่ 1
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนที่ตำแหน่ง ผบ.พล.ร.2 รอ.ที่ว่างลง มีการคาดการณ์กันว่า พ.อ.เทพพงษ์ ทิพยจันทร์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ลูกหม้อบูรพาพยัคฆ์ ที่ถูกวางตัวขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ กลับไม่ได้ โดยมีการส่ง พ.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รอง ผบ.พล.1 รอ. (วงศ์เทวัญ)ข้ามห้วยมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. เพื่อลบกระแสเอาแต่ “บูรพาพยัคฆ์” นอกจากนี้การย้ายทหารครั้งนี้ จะเห็นได้ชัด ว่า พล.อ.ประวิตร ได้วางตัว พล.อ.คณิต ซึ่งอกหักจากการปรับย้ายเมื่อตุลาคม2553 ที่ผ่านมา เพราะถูกข้อครหาว่าไม่เต็ม 100 ในการปราบม็อบคนเสื้อแดง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พอใจได้ดันพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ จากรอง เสธ.ทบ.ขณะนั้นขึ้นเป็น เสธ.ทบ. เพราะเป็นผู้วางแผนมีผลงานในการปราบม็อบเสื้อแดงมาตลอด อีกทั้งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 จึงทำให้ขณะนั้นเกิดความขัดแย้งจนออกอาการ “เกาเหลา” ระหว่าง พล.อ.ดาว์พงษ์ กับ พล.อ.คณิต จึงทำให้ พล.อ.คณิต วางตัวโลว์โปร์ไฟล์มาตลอด แต่ด้วยความเป็น “บูรพาพยัคฆ์” ที่ตัดกันไม่ขาด พล.อ.ประวิตรจึงผลักดันให้ พล.อ.คณิต ข้ามห้วยมาเจ่อตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ในตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาพิเศษกลาโหม (อัตราจอมพล) เพื่อชิงความอาวุโสไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนนายพลหญิงใหม่ ย้ายกลางปีครั้งนี้มีเพียง 1 คน คือ พ.อ.หญิง จินตตนา เกิดผล บุตรสาว พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. ได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. อัตราพลตรี อย่างไรก็ตาม ในส่วนการตั้งกองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) และกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ไม่สามารถปรับย้ายได้ทัน เพราะต้องรอในขั้นตออนุมัติในราชกฤษฎีกา แต่ในส่วน สถานที่ตั้งของหน่วยนั้นพร้อมแล้ว รอเพียงประกาศตัวบุคคลมาทำหน้าที่ ซึ่งคาดว่าน่าจะโปรดเกล้าฯ ได้ภายในการโยกย้ายปลายปี (ตุลาคม)
โดยในส่วนตำแหน่งที่มีการปรับย้ายที่สำคัญประกอบด้วย พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็น ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม พล.ท.ธงชัย เทพารักษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นที่ปรึกษาพิเศษ บก.กองทัพไทย พล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร เป็น เจ้ากรมแผนที่ทหาร พล.ท.ธนดล เผ่าจินดา ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (น้องชายพล.อ.อนุพงษ์) เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ ที่ปรึกษา ทบ. เป็น แม่ทัพน้อยที่ 3 พลท.ดนัย มีชูเวท ที่ปรึกษา ทบ. เป็น ผบ.รร.จปร. พล.ต.จีระศักดิ์ ชมประสพ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น แม่ทัพน้อยที่ 2 พล.ต.นิพนธ์ ปานมงคล รองเจ้ากรมทหารช่าง เป็น เจ้ากรมทหารช่าง พล.ต.ชูเกียรติ เธียรสุนทร รองผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ชาสร วายโสกา รองแม่ทัพน้อยที่ 2 เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ชุมพล กากแก้ว ผบ.จทบ.สุรินทร์ เป็น ผบ.มทบ.24 พล.ต.วีระภัทรพล บุญย์เชี่ยว ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. เป็น ผบ.จทบ.สุรินทร์ พล.ต.สุมงคล ดิษฐบรรจง เสธ.ทน.3 เป็น ผบ.จทบ.พิษณุโลก พ.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผบ.พล.1 รอ. ข้ามไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. พ.อ.ชลิต เมฆมุกดา เป็น ผบ.กองพลพัฒนาที่ 2 พ.อ.ธนดล สุรารักษ์ เป็น ผบ.กองพลทหารช่าง
พล.ร.ต.ณรพันธ์ ตันวิเชียร รองเจ้ากรมพลาธิการทหารเรือ เป็น หน.ฝสธ.ประจำ ผบ.ทร. พล.ร.ต.สุริยะ พรสุริยะ หน.ฝ่ายการศึกษษ รร.นายเรือ เป็น ผบ.กองเรือดำน้ำ พล.ร.ต.นาวิน ธนเนตร ผบ.กองเรือฟรีเกตุที่ 1 เป็นผบ.กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ พล.ร.ต.ดุษฎี สังขปรีชา ผบ.กองเรือตรวจอ่าว เป็น ผบ.กองเรือฟรีเกตุที่ 1 พล.อ.ต.อานนท์ วิรัชกุล รองเจ้ากรมช่างอากาศ เป็น เจ้ากรมช่างอากาศ พล.อ.ต.บุญสืบ ประสิทธิ์ เสธ.กรมช่างอากาศ เป็นรองเจ้ากรมช่างอากาศ โดยในส่วนนายพลหญิงมีการปรับย้ายขึ้นมาเพียง 1 คน คือ พ.อ.หญิง จินตนา เกิดผล บุตรสาว พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. ขึ้นเป็นพลตรี ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ.
ผู้สื่อขาวรายงานว่า ที่ 25 มี.ค.ได้มีการแจกจ่ายสำเนาคำสั่ง ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 132 คน โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ทั้งนี้ การปรับย้ายนายทหารกลางปีครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการตอบแทนรางวัลให้กับ นายทหารที่ใกล้เกษียณราชการ และหมุนเวียนตำแหน่ง แต่ที่ฮือฮาเมื่อการโยกย้ายครั้งนี้ มีการวางตัว 2 นายทหารจากบูรพาพยัคฆ์ คือ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม เพื่อจ่อตำแหน่งปลัดฯ กลาโหม ในการโยกย้ายตุลาที่จะถึง เช่นเดียวกับ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อเก้าอี้ แม่ทัพภาคที่ 1
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนที่ตำแหน่ง ผบ.พล.ร.2 รอ.ที่ว่างลง มีการคาดการณ์กันว่า พ.อ.เทพพงษ์ ทิพยจันทร์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ลูกหม้อบูรพาพยัคฆ์ ที่ถูกวางตัวขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ กลับไม่ได้ โดยมีการส่ง พ.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รอง ผบ.พล.1 รอ. (วงศ์เทวัญ)ข้ามห้วยมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. เพื่อลบกระแสเอาแต่ “บูรพาพยัคฆ์” นอกจากนี้การย้ายทหารครั้งนี้ จะเห็นได้ชัด ว่า พล.อ.ประวิตร ได้วางตัว พล.อ.คณิต ซึ่งอกหักจากการปรับย้ายเมื่อตุลาคม2553 ที่ผ่านมา เพราะถูกข้อครหาว่าไม่เต็ม 100 ในการปราบม็อบคนเสื้อแดง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พอใจได้ดันพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ จากรอง เสธ.ทบ.ขณะนั้นขึ้นเป็น เสธ.ทบ. เพราะเป็นผู้วางแผนมีผลงานในการปราบม็อบเสื้อแดงมาตลอด อีกทั้งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 จึงทำให้ขณะนั้นเกิดความขัดแย้งจนออกอาการ “เกาเหลา” ระหว่าง พล.อ.ดาว์พงษ์ กับ พล.อ.คณิต จึงทำให้ พล.อ.คณิต วางตัวโลว์โปร์ไฟล์มาตลอด แต่ด้วยความเป็น “บูรพาพยัคฆ์” ที่ตัดกันไม่ขาด พล.อ.ประวิตรจึงผลักดันให้ พล.อ.คณิต ข้ามห้วยมาเจ่อตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ในตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาพิเศษกลาโหม (อัตราจอมพล) เพื่อชิงความอาวุโสไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนนายพลหญิงใหม่ ย้ายกลางปีครั้งนี้มีเพียง 1 คน คือ พ.อ.หญิง จินตตนา เกิดผล บุตรสาว พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. ได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. อัตราพลตรี อย่างไรก็ตาม ในส่วนการตั้งกองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) และกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ไม่สามารถปรับย้ายได้ทัน เพราะต้องรอในขั้นตออนุมัติในราชกฤษฎีกา แต่ในส่วน สถานที่ตั้งของหน่วยนั้นพร้อมแล้ว รอเพียงประกาศตัวบุคคลมาทำหน้าที่ ซึ่งคาดว่าน่าจะโปรดเกล้าฯ ได้ภายในการโยกย้ายปลายปี (ตุลาคม)
โดยในส่วนตำแหน่งที่มีการปรับย้ายที่สำคัญประกอบด้วย พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็น ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม พล.ท.ธงชัย เทพารักษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นที่ปรึกษาพิเศษ บก.กองทัพไทย พล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร เป็น เจ้ากรมแผนที่ทหาร พล.ท.ธนดล เผ่าจินดา ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (น้องชายพล.อ.อนุพงษ์) เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ ที่ปรึกษา ทบ. เป็น แม่ทัพน้อยที่ 3 พลท.ดนัย มีชูเวท ที่ปรึกษา ทบ. เป็น ผบ.รร.จปร. พล.ต.จีระศักดิ์ ชมประสพ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น แม่ทัพน้อยที่ 2 พล.ต.นิพนธ์ ปานมงคล รองเจ้ากรมทหารช่าง เป็น เจ้ากรมทหารช่าง พล.ต.ชูเกียรติ เธียรสุนทร รองผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ชาสร วายโสกา รองแม่ทัพน้อยที่ 2 เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ชุมพล กากแก้ว ผบ.จทบ.สุรินทร์ เป็น ผบ.มทบ.24 พล.ต.วีระภัทรพล บุญย์เชี่ยว ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. เป็น ผบ.จทบ.สุรินทร์ พล.ต.สุมงคล ดิษฐบรรจง เสธ.ทน.3 เป็น ผบ.จทบ.พิษณุโลก พ.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผบ.พล.1 รอ. ข้ามไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. พ.อ.ชลิต เมฆมุกดา เป็น ผบ.กองพลพัฒนาที่ 2 พ.อ.ธนดล สุรารักษ์ เป็น ผบ.กองพลทหารช่าง
พล.ร.ต.ณรพันธ์ ตันวิเชียร รองเจ้ากรมพลาธิการทหารเรือ เป็น หน.ฝสธ.ประจำ ผบ.ทร. พล.ร.ต.สุริยะ พรสุริยะ หน.ฝ่ายการศึกษษ รร.นายเรือ เป็น ผบ.กองเรือดำน้ำ พล.ร.ต.นาวิน ธนเนตร ผบ.กองเรือฟรีเกตุที่ 1 เป็นผบ.กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ พล.ร.ต.ดุษฎี สังขปรีชา ผบ.กองเรือตรวจอ่าว เป็น ผบ.กองเรือฟรีเกตุที่ 1 พล.อ.ต.อานนท์ วิรัชกุล รองเจ้ากรมช่างอากาศ เป็น เจ้ากรมช่างอากาศ พล.อ.ต.บุญสืบ ประสิทธิ์ เสธ.กรมช่างอากาศ เป็นรองเจ้ากรมช่างอากาศ โดยในส่วนนายพลหญิงมีการปรับย้ายขึ้นมาเพียง 1 คน คือ พ.อ.หญิง จินตนา เกิดผล บุตรสาว พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. ขึ้นเป็นพลตรี ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ.