“อภิสิทธิ์” ระบุอินโดฯ ไม่ส่งผู้สังเกตการณ์พื้นที่พิพาทไทย-เขมร เพราะต้องการให้ทั้ง 2 ประเทศได้ข้อสรุปถึงจุดที่จะให้ไปอยู่ก่อน ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาแทรกซ้อนได้ ยืนยัน ครม.ยังไม่ได้คว่ำบาตรลิเบีย แค่รับทราบมติยูเอ็น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางอินโดนีเซีย ชะลอการส่งผู้สังเกตการณ์มายังพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา จะมีผลอะไรหรือไม่ว่า เป็นปัญหาทางเทคนิค เพราะจะต้องได้ข้อสรุปเสียก่อนว่าจะให้อยู่ที่ไหนอย่างไร และการจะไปอยู่ที่ไหนนั้น จะต้องเป็นที่ยอมรับของทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ซึ่งควรจะเร่งหาข้อยุติตรงนี้ และหวังว่าการใช้กลไกเจบีซีจะมีส่วนช่วยในช่วงเดือนหน้า
ส่วนการที่ทางอินโดนีเซีย ได้ชะลอการส่งผู้สังเกตการณ์มา เป็นเพราะเขาเห็นด้วยกับไทยที่ได้เสนอไปก่อนหน้านี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปมองว่าเห็นด้วยกับไทยหรือกัมพูชาเลย เอาเป็นว่าเขาเห็นว่าเหมาะสม ว่า ถ้าหากไม่สามารถตกลงในเรื่องพื้นที่ได้ แทนที่ผู้สังเกตการณ์มาจะช่วยดูว่าไม่มีการตึงเครียด จะกลายเป็นเงื่อนไขของการตึงเครียดเสียเอง เพราะฉะนั้นต้องรอให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน ซึ่งเราไม่ได้มีเจตนาว่าไม่ให้มา แต่การมาต้องเป็นพื้นที่ที่สามารถตกลงกันได้จะได้ไม่เกิดปัญหาแทรกซ้อนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของผู้สังเกตการณ์ ต้องมีการพูดคุยในที่ประชุมจีบีซี ก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นเพราะถ้าประชุมจีบีซียังไม่ได้ และการพบปะกันแบบทวิภาคี คงต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเราต้องการให้ทางอาเซียนซึ่งมีเจตนารมณ์ในเรื่องนี้เข้ามาดำเนินการได้
ต่อข้อถามว่า จากการที่ได้ประสานทางกัมพูชามีท่าทีอย่างไรและเจรจาจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงในวันที่ 7-8 เม.ย.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วจะไม่เดินไปไหน เราต้องทำให้กลไกนี้เดินได้ และวันนี้ (25 มี.ค.) สภาจะได้พิจารณาเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคมาตุภูมิ ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านจากการที่รัฐบาลไทยไปร่วมคว่ำบาตร ว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมติสหประชาชาติ แต่ยังไม่ได้รับรอง เพราะว่าตนเห็นว่ามีเรื่องหลายเรื่อง ซึ่งจำเป็นที่จะให้หน่วยงานบอกเรามาชัดเจนว่าการปฏิบัติ และถ้าปฏิบัติต้องปฏิบัติอย่างไร จะได้มีการพิจารณาให้รอบครอบ อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามพันธะสัญญา เพราะเราเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ แต่ในชั้นนี้เนื่องจากมีรายละเอียด ความละเอียดอ่อน และมีมติ 2 ข้อมติด้วย จึงให้ ครม.รับทราบ และให้ทางกระทรวง ไปประสานกับหน่วยงาน เพื่อเสนอรายละเอียดอีกทีหนึ่ง