โฆษกพันธมิตรฯ ตอกหน้านายกฯ แหลรายวัน ดึงมือที่สามเข้ามาเป็นสักขีพยาน ในการเจรจาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม คกก.มรดกโลก เดือน มิ.ย.เท่ากับเป็นการยอมรับพหุภาคี เตือนรัฐสภาอย่าเป็นตรายาง หากยกมือรับรองเจบีซี 3 ฉบับ เท่ากับยกแผ่นดินไทยให้เขมร ตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนไร่ เพราะกัมพูชาจะใช้เป็นข้ออ้างในเวทีโลก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เสวนา "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน"
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการที่รัฐบาลประกาศจุดยืนที่จะนำร่างบันทึกกรรมาธิการร่วมเขตแดน ไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ทั้ง 3 ฉบับ เข้าสู่การพิจารณารัฐสภาในวันศุกร์นี้ เท่ากับเป็นการเฉลิมฉลองยกอธิปไตยให้เขมรอย่างเบ็ดเสร็จ จากคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯในวันนี้ โดยมีแผนที่จะเจรจากับกัมพูชา โดยมียูเนสโกเป็นผู้ประสานในเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นจะกำหนดท่าทีที่เหมาะสม ว่า ภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อนำสู่การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่กรุงปารีส ล้วนทำให้ไทยเสียเปรียบทั้งสิ้น แถมยังอ้างอีกว่าหากไม่ดำเนินการดังกล่าว มีแต่จะทำให้กระบวนการพหุภาคีเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น
“ขอเตือนรัฐสภา อย่าเป็นตรายาง ปล่อยให้เขมรใช้ข้ออ้างเอ็มโอยู 43 ยอมรับแผนที่ 1ต่อ 2 แสนไร่ เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียพื้นที่ 1.8 ล้านไร่ อย่างแน่นอน การดึงยูเนสโกเข้ามาเป็นตัวกลางเพื่อก่อให้เกิดการเจรจาระหว่างไทย กับกัมพูชา จะปฏิเสธได้อย่างไรว่าไม่ใช่การเจราระดับพหุภาคี ถือว่า นายอภิสิทธิ์ เดินเกมที่ผิดพลาด จนทำให้อธิปไตยไทยต้องตกหลุมพราง เพราะกัมพูชาได้ประโยชน์จากเอ็มโอยู 43 ทั้งสิ้น แทนที่รัฐบาลจะใช้กำลังที่เหนือกว่ารุกไล่เขมรให้พ้นแผ่นดิน ตามข้อเสนอของพันธมิตรฯ” นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า หากรัฐสภาไทยไม่รับรองบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ก็จะกลับไปสู่การเจรจา ก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่ดึงต่างชาติเข้ามาเป็นร่วมสังเกตการณ์ แต่นี่กลับไปเชิญชวนอินโดนีเซีย เข้ามาเป็นสักขีพยาน ทั้งที่ไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร รัฐบาลยังไม่รู้อีกหรือว่าปัญหาอธิปไตยอยู่ที่ตัวรัฐบาลเอง และเป็นต้นเหตุให้ประชาชนต้องออกมาชุมนุมเพื่อทวงสิทธิ
