“เทือก” ฉุน “สมเกียรติ” วิจารณ์พรรค ประกาศไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. ยังมั่นใจมีการเลือกตั้งแน่ ชี้เป็นเรื่องปกติ “ภูมิใจห้อย-ชาติไทยพัฒนา” จับมือเพิ่มอำนาจต่อรอง ไม่ห่วง 2 พรรคเล่นเกมพลิกขั้วการเมืองหลังเลือกตั้ง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาติติงการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในการบริหารบ้านเมืองว่า คงไม่ส่งลงเลือกตั้ง ส.ส.สัดส่วนอีก ถึงแม้จะยังไม่เป็นมติพรรค แต่ถามตนก็ตอบชัดเจนว่าไม่ส่ง ตอบตรงๆ จะตอบเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ส่วนกรรมการบริหารพรรคจะว่าอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง และเขาคงจะไม่เป็นสมาชิกพรรคแล้ว แม้เราจะไล่ใครออกไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่ส่งเขาลงเลือกตั้ง เขาก็ไม่อยู่กับเราเป็นธรรมดา ที่พูดอย่างนี้เพราะนายสมเกียรติเขาเลือกแนวทางเดินที่เป็นคนละแนวทางกับพรรคมาอยู่แล้ว
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าการจับมือทานข้าวระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคภูมิใจไทยจะเพิ่มอำนาจการต่อรองหากจะต้องร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตนั้น นายสุเทพกล่าวว่า การต่อรองทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่ว่าคนต่อกับคนรองจะพูดกันอย่างไร แต่ทั้งนี้ต้องรอดูผลเลือกตั้งออกมาก่อนดีกว่า
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่นายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยก็อ่านเกมออกว่าทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยต่างก็จัดตั้งรัฐบาลเองไม่ได้ จะเป็นการขู่พรรคประชาธิปัตย์กลายๆ หรือไม่เพราะทั้ง 2 พรรคตัดสินใจไปไหนก็ไปด้วยกัน นายสุเทพกล่าวว่า ก็ดี สองพรรคนี้เขาจะได้มีอำนาจต่อรองเป็นเรื่องปกติ ไปคิดอะไรมาก เมื่อถามว่าในทางกลับกันก็มีคนวิจารณ์ว่าเป็นการฮั้วกันทางการเมือง นายสุเทพกล่าวว่า อยู่ที่พี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสิน เราอย่าไปสรุปเรื่องประชาธิปไตยอย่างนั้น มีคนพยายามทำอะไรที่เป็นการบิดเบือนธรรมชาติมาเยอะแยะในอดีต ขนาดซื้อพรรครวมพรรคการเมืองกันหมดก็ยังอยู่ไม่ได้
ต่อข้อถามว่าเลือกตั้งครั้งหน้ากลัวจะมีการพลิกขั้วการเมืองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่กลัว ตนเป็นนักการเมืองอาชีพ เป็นนักการเมืองติดต่อกันมากว่า 30 ปี ปีนี้อายุ 62 ปีแล้วไม่มีอะไรต้องน่าหวาดกลัว สิ่งที่กังวลคือทำอย่างไรให้บ้านเมืองเราอยู่รอดปลอดภัย เมื่อถามว่า ยังมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า มั่นใจแน่นอนว่าจะต้องมีการเลือกตั้งเพราะเรื่องของการเลือกตั้งและวันเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เขาเห็นคล้อยไปทางเดียวกับนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าใครบิดเบือนแกล้งทำให้ผิดไปจากนี้ประชาชนเขาไม่เอาหรอก