"สุเทพ" เผยเล็งถกครม.หาทางช่วยยุ่นเท่าที่ทำได้ แม้จะเป็นชาติเศรษฐี แต่พร้อมเคียงข้างในยามยาก ไม่มั่นใจต้องการจนท.พิสูจน์เอกลักษณ์เพิ่มหรือไม่ เล็งส่งอาหารสำเร็จไปให้ ยันธปท.เผยไม่กระทบเศรษฐกิจไทย ลั่นระบบเตือนภัยไทยพร้อมแต่การเยียวยายังไม่พร้อม
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการให้ความช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่น หลังจากเกิดเหตุสึนามิ และมีความเสียหายอย่างมากว่า วันนี้ (14 มี.ค.) จะมีการหารือในครม.ถึงการให้ความช่วยเหลือทั้งหมดว่าควรจะดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะญี่ปุ่นเองก็ถือเป็นมิตรประเทศที่ผูกพันกันมายาวนาน เป็นประเทศคู่ค้าที่ดีต่อกันมาโดยตลอด คนญี่ปุ่นก็มาลงทุน มาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก ส่วนไทยเองก็ส่งสินค้าไปญี่ปุ่นมาก ดังนั้นเมื่อมีความผูกพันกันอย่างนี้ ก็ต้องให้ความช่วยเหลือกัน แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศเศรษฐี ฐานะดี แต่ด้วยธรรมเนียมประเพณีไทยก็เห็นว่าเราควรจะยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือในส่วนที่เราทำได้ เป็นการช่วยทางด้านจิตใจให้ประชาชนญี่ปุ่นคลายทุกข์ได้บางส่วนและได้เห็นว่าในยามยากก็มีเพื่อนอย่างเราที่พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ แต่ในส่วนของการส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์ไปช่วยพิสูจน์ตัวบุคคล หรือช่วยตรวจดีเอ็นเอนั้น ตนไม่มั่นใจว่าเราจะถึงขนาด หรือจำเป็นต้องไปช่วยในเรื่องของการพิสูจน์เอกลักษณ์ ตัวบุคคลที่ญี่ปุ่นหรือไม่ เนื่องจากญี่ปุ่นก็มีความพร้อม มีความชำนาญเพียงพอสำหรับการดูแลในเรื่องนี้ เพราะบ้านเมืองเขาเกิดเหตุบ่อย แต่จะหารือในครม.ดูว่าเรามีทีมที่มีความพร้อมแค่ไหนที่จะไปช่วยเขา
"ก็ดูเวลาที่เกิดสึนามิในบ้านเรา สิ่งที่เขาอยากได้คืออาหารที่สามารถรับประทานได้เลย ซึ่งจะว่าไปแล้วอาหารอย่างนี้ในประเทศไทยก็ผลิตกันมาก ถ้าจัดซื้อและขนขึ้นเครื่องบินไปก็ยังทัน เพราะญี่ปุ่นก็อยู่ไม่ไกล" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุการณ์สึนามิญี่ปุ่นจะกระทบไปหมดรวมถึงไทยด้วยโดยเฉพาะสินค้าที่ค้าขายกัน รองนายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ดูรายงานธนาคารแห่งประเทศไทยที่บอกว่าเหตุที่เกิดในญี่ปุ่นไม่กระทบเศรษฐกิจของไทย หรือถ้ากระทบก็เล็กน้อยมาก ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อถามว่า ทางผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนประเทศไทยเหมือนกันว่าอีก 4 เดือนอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ มีการเตรียมรับมืออย่างไร โดยเฉพาะจังหวัดที่เคยโดน นายสุเทพ กล่าวว่า จังหวัดที่เคยโดนสึนามิตอนนี้เราจัดระบบเตือนภัยค่อนข้างจะดีมาก และมีการฝึกซ้อมกันอยู่ตลอดซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจ แต่ที่ยังกังวลใจคือระบบการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา เครื่องมือต่าง ๆ ต้องให้พร้อมกว่านี้