ชัดเจนแล้วว่า ไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมซึ่งพลิกปฏิทินดูแล้ว ก็คือไม่เกินวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.การยุบสภาจะเกิดขึ้น หากเป็นไปตามนี้ ได้รับการยืนยันจากฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วว่า น่าจะกำหนดวันเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ในวันที่ 26 มิถุนายน หรือไม่ก็ 3 กรกฏาคม
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องขึ้นอยู่กับเมื่อถึงต้นเดือนพฤษภาคมจริงๆ แล้ว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่พลิกพลิ้วชิวหาซื้อเวลาอยู่เป็นรัฐบาลอีก ถ้าทำเช่นนั้น อภิสิทธิ์ก็หมดราคาความน่าเชื่อถือแน่
ดังนั้น นับจากนี้ พรรคไหน-กลุ่มการเมืองใด-คนดัง-นักธุรกิจคนไหนที่ยังไม่เปิดตัว คิดอยากทำงานการเมืองแต่ยังไม่กล้าตัดสินใจ มัวแต่จดๆ จ้องๆ ขืนชั่งใจโย้เย้ชักช้า มัวแต่คิดลังเลอาจเสียท่าไม่ทันการณ์
เช่นเวลานี้ นักการเมืองโซนกรุงเทพมหานคร ทั้งเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-พรรคการเมืองใหม่ ให้ความสนใจไปที่ข่าวความเคลื่อนไหวของ “อดีตคนการเมืองชื่อดัง” คนหนึ่งซึ่งถือว่าชื่อพอขายได้ในกรุงเทพมหานคร และกำลังลือกันหนาหูว่าอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะกลับมาทำการเมืองอีกรอบดีหรือไม่
นักการเมืองคนที่ว่านี้ ก็คือ “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี-รมว.มหาดไทย-รมว.ยุติธรรม และอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทยคนแรก
เงียบหายไปนาน เพิ่งมีข่าวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ว่า ร.ต.อ.ปุระชัยอยู่ระหว่างการตัดสินใจจะคัมแบ็กการเมืองอีกรอบ บนทางเลือกสองทางคือ
1.เข้าไปอยู่กับพรรคการเมืองที่มีการจัดตั้งแล้ว ทั้งที่มี ส.ส.อยู่ในสภาฯ เวลานี้ หรือพรรคการเมืองที่มีคนจัดตั้งไว้แล้ว แต่ยังหาจุดขายหรือผู้นำไม่ได้ ก็เลยจะให้ปุระชัยมาเสียบเป็นหัวหรือผู้นำพรรค
2.ทำการเมืองของตัวเอง เป็นพรรคทางเลือกแบบพรรคไม่ต้องใหญ่แต่เป็นทางเลือกที่สามให้ประชาชนที่ไม่เอาทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย
ข่าวนี้มีความเป็นไปได้ไหม บอกได้เลยว่า เป็นไปได้สูง เพราะจากล้วงแคะไปถึงต้นตอข่าว จับทางได้ว่า มีที่มาที่ไปจริง มีการเคลื่อนไหวกันจริงของคนบางกลุ่มในวงเล็กๆ ของกลุ่มอดีตข้าราชการประจำ-นักธุรกิจนักวิชาการ-อดีตนักการเมืองสายกรุงเทพมหานครที่เคยอยู่พรรคพลังธรรมและไทยรักไทย ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “กลุ่มเพื่อนปุระชัย”
การพูดคุยของกลุ่มเพื่อนปุระชัย เน้นเนื้อหาส่วนใหญ่ไปที่การวิเคราะห์การเมืองเวลานี้ว่าหลังเลือกตั้งแล้วความขัดแย้งของคนในสังคมก็ยังมีอยู่ ผู้คนต้องการทางเลือกที่สาม แต่คุยกันแล้วมองว่าการจะทำพรรคการเมืองภายใต้เงื่อนไขการเมืองแบบนี้ยากจะเกิดได้ เพราะมีข้อจำกัดหลายด้าน อีกทั้งสนามกทม.ยังเป็นการแข่งที่รุนแรงของเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ พรรคอื่นคงฝ่ามาร่วมแจมได้ยาก
ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมาปุระชัยแทบไม่ได้แสดงบทบาทการเมืองอะไรที่โดดเด่นจนคนจำได้ ซ้ำมิหนำยังถือว่าเป็นช่วงตกต่ำในชีวิตการเมืองและสังคมของปุระชัยด้วย เช่นลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน สนช.คะแนนตามหลังมีชัย ฤชุพันธ์-ประสงค์ สุ่นศิริ หลุดลุ่ย หรือเป็น ก.ตร.ก็แสดงท่าทีปกป้องพัชรวาทจนเกินเหตุ ฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้ว่า “ไม้บรรทัดงอ”
บทบาทและหน้าที่ ก.ตร.ยังเป็นที่จดจำของประชาชนได้อยู่ และยังคลางแคลงใจในความเป็นปุระชัยว่า เป็นของจริงหรือของเก๊กันแน่
อย่างไรก็ดี คนใกล้ชิดและปุระชัยอาจมองเห็นว่า การจะคัมแบ็คมาเล่นการเมืองในช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เพราะหลัง พ.ค.ปี 55 พวกนักโทษการเมือง 111 คดียุบไทยรักไทยจะหลุดออกมาทั้งหมด ถึงตอนนั้น ตัวเลือกการเมืองที่ไม่ใช่อภิสิทธิ์ ไม่ใช่มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จะมีมากขึ้น หากทำการเมืองตอนนี้ อย่างน้อยยังอาจมีพื้นที่ให้บ้างแม้ไม่มาก
บ้างก็ว่า ปุระชัยอาจจะหาโอกาสช่องทางกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ภายใต้ข้อเสนอพิเศษโดยเป็นทางลัด ซึ่งดูแล้ว เส้นทางดังกล่าวยังไม่มีให้สำหรับปุระชัย
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องขึ้นอยู่กับเมื่อถึงต้นเดือนพฤษภาคมจริงๆ แล้ว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่พลิกพลิ้วชิวหาซื้อเวลาอยู่เป็นรัฐบาลอีก ถ้าทำเช่นนั้น อภิสิทธิ์ก็หมดราคาความน่าเชื่อถือแน่
ดังนั้น นับจากนี้ พรรคไหน-กลุ่มการเมืองใด-คนดัง-นักธุรกิจคนไหนที่ยังไม่เปิดตัว คิดอยากทำงานการเมืองแต่ยังไม่กล้าตัดสินใจ มัวแต่จดๆ จ้องๆ ขืนชั่งใจโย้เย้ชักช้า มัวแต่คิดลังเลอาจเสียท่าไม่ทันการณ์
เช่นเวลานี้ นักการเมืองโซนกรุงเทพมหานคร ทั้งเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-พรรคการเมืองใหม่ ให้ความสนใจไปที่ข่าวความเคลื่อนไหวของ “อดีตคนการเมืองชื่อดัง” คนหนึ่งซึ่งถือว่าชื่อพอขายได้ในกรุงเทพมหานคร และกำลังลือกันหนาหูว่าอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะกลับมาทำการเมืองอีกรอบดีหรือไม่
นักการเมืองคนที่ว่านี้ ก็คือ “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี-รมว.มหาดไทย-รมว.ยุติธรรม และอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทยคนแรก
เงียบหายไปนาน เพิ่งมีข่าวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ว่า ร.ต.อ.ปุระชัยอยู่ระหว่างการตัดสินใจจะคัมแบ็กการเมืองอีกรอบ บนทางเลือกสองทางคือ
1.เข้าไปอยู่กับพรรคการเมืองที่มีการจัดตั้งแล้ว ทั้งที่มี ส.ส.อยู่ในสภาฯ เวลานี้ หรือพรรคการเมืองที่มีคนจัดตั้งไว้แล้ว แต่ยังหาจุดขายหรือผู้นำไม่ได้ ก็เลยจะให้ปุระชัยมาเสียบเป็นหัวหรือผู้นำพรรค
2.ทำการเมืองของตัวเอง เป็นพรรคทางเลือกแบบพรรคไม่ต้องใหญ่แต่เป็นทางเลือกที่สามให้ประชาชนที่ไม่เอาทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย
ข่าวนี้มีความเป็นไปได้ไหม บอกได้เลยว่า เป็นไปได้สูง เพราะจากล้วงแคะไปถึงต้นตอข่าว จับทางได้ว่า มีที่มาที่ไปจริง มีการเคลื่อนไหวกันจริงของคนบางกลุ่มในวงเล็กๆ ของกลุ่มอดีตข้าราชการประจำ-นักธุรกิจนักวิชาการ-อดีตนักการเมืองสายกรุงเทพมหานครที่เคยอยู่พรรคพลังธรรมและไทยรักไทย ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “กลุ่มเพื่อนปุระชัย”
การพูดคุยของกลุ่มเพื่อนปุระชัย เน้นเนื้อหาส่วนใหญ่ไปที่การวิเคราะห์การเมืองเวลานี้ว่าหลังเลือกตั้งแล้วความขัดแย้งของคนในสังคมก็ยังมีอยู่ ผู้คนต้องการทางเลือกที่สาม แต่คุยกันแล้วมองว่าการจะทำพรรคการเมืองภายใต้เงื่อนไขการเมืองแบบนี้ยากจะเกิดได้ เพราะมีข้อจำกัดหลายด้าน อีกทั้งสนามกทม.ยังเป็นการแข่งที่รุนแรงของเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ พรรคอื่นคงฝ่ามาร่วมแจมได้ยาก
ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมาปุระชัยแทบไม่ได้แสดงบทบาทการเมืองอะไรที่โดดเด่นจนคนจำได้ ซ้ำมิหนำยังถือว่าเป็นช่วงตกต่ำในชีวิตการเมืองและสังคมของปุระชัยด้วย เช่นลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน สนช.คะแนนตามหลังมีชัย ฤชุพันธ์-ประสงค์ สุ่นศิริ หลุดลุ่ย หรือเป็น ก.ตร.ก็แสดงท่าทีปกป้องพัชรวาทจนเกินเหตุ ฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้ว่า “ไม้บรรทัดงอ”
บทบาทและหน้าที่ ก.ตร.ยังเป็นที่จดจำของประชาชนได้อยู่ และยังคลางแคลงใจในความเป็นปุระชัยว่า เป็นของจริงหรือของเก๊กันแน่
อย่างไรก็ดี คนใกล้ชิดและปุระชัยอาจมองเห็นว่า การจะคัมแบ็คมาเล่นการเมืองในช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เพราะหลัง พ.ค.ปี 55 พวกนักโทษการเมือง 111 คดียุบไทยรักไทยจะหลุดออกมาทั้งหมด ถึงตอนนั้น ตัวเลือกการเมืองที่ไม่ใช่อภิสิทธิ์ ไม่ใช่มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จะมีมากขึ้น หากทำการเมืองตอนนี้ อย่างน้อยยังอาจมีพื้นที่ให้บ้างแม้ไม่มาก
บ้างก็ว่า ปุระชัยอาจจะหาโอกาสช่องทางกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ภายใต้ข้อเสนอพิเศษโดยเป็นทางลัด ซึ่งดูแล้ว เส้นทางดังกล่าวยังไม่มีให้สำหรับปุระชัย