“เป็ดเหลิม” พลิกลิ้นหนุนซักฟอก 4 วัน อ้างมีข้อมูลและข้อเท็จจริงมาก พร้อมกลับลำไม่ตั้งพรรคการเมือง ขณะที่ประธานวิปฝ่ายค้านยืนยันต้องใช้เอกสารและคลิปวิดีโอเปิดประกอบการอภิปราย เหตุเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่วิปทั้งสองฝ่ายขอเวลาในการอภิปรายเพิ่มเป็น 4 วัน เพราะมีข้อมูลและข้อเท็จจริงมาก แต่ส่วนตัวยังมองว่าควรจะอภิปรายเพียง 2-3 ประเด็นก็เพียงพอหากมีข้อมูลน่าเชื่อถือ ส่วนความชัดเจนว่าจะร่วมอภิปรายหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าทีมอภิปราย แต่ก็ได้เตรียมพร้อมข้อมูลที่จะอภิปรายแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องภาษีบุหรี่มาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยนั้น ไม่ทราบว่าพรรคมอบหมายให้ใครเป็นผู้อภิปราย ซึ่งตนเองมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หากทีมอภิปรายของพรรคต้องการข้อมูลก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ก็กล่าวชมว่านายมิ่งขวัญมีข้อมูลสำหรับการอภิปรายมาก และเตรียมตัวฝึกซ้อมอย่างหนัก ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้มีความไม่แน่นอน ซึ่งเห็นว่าถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยจะกำหนดนโยบายหาเสียงที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ทั้งนี้ ฝ่ายค้านไม่ได้กดดันการทำหน้าที่ของรัฐบาล แต่เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะออกไปตั้งพรรคการเมืองของตนเองหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่มีเงินไปซื้อตัว ส.ส.มากขนาดนั้น คงไม่สามารถไปตั้งพรรคได้
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า จากการประชุมกับวิปรัฐบาล ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นตรงกันว่าควรอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4 วัน โดยได้ทำบันทึกถึงนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และแม้ว่าประธานจะมีอำนาจในการควบคุมการประชุม แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดประธานจะให้ตามที่วิป 2 ฝ่ายได้หารือกัน
ส่วนการชุมนุมทางการเมืองด้านนอกสภา ไม่อยากให้นำมาเกี่ยวข้อง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายในระบรัฐสภา ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ
นายวิทยากล่าวว่า การหารือกับวิปรัฐบาลในวันนี้ เกี่ยวกับเรื่องการนำเอกสารและคลิปวิดีโอ มาเปิดเผยในการอภิปรายนั้น ตนเองเชื่อว่า ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการอภิปราย และแม้ว่าจะอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว กระบวนการต้องส่งให้ประธานสภาฯ เพื่อนำไปตรวจสอบต่อหากว่าผิด หรือเป็นเรื่องเท็จ สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ และไม่คิดว่าการนำเอกสารหรือคลิปวิดีโอมาเปิดเผยในการอภิปรายนั้นจะเป็นการฉวยโอกาสเปิดในสภาแล้วไปแก้ในศาล เนื่องจากเชื่อว่ากฎหมายให้ความคุ้มครองทุกคนอยู่แล้ว
