เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 สังเกตหรือว่าคำพูดของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างงานเลี้ยงระดมหาเงินเข้ากระเป๋าปชป.เพื่อใช้เป็นทุนเลือกตั้งที่กระตุ้นให้คล้อยตามว่าต้องเลือกข้าง ปชป.และตัวเขา หากต้องการ “ก้าวไปข้างหน้า” แต่ขณะเดียวกันหากต้องการวนอยู่กับที่ กับความขัดแย้งก็ให้ไปเลือกพรรคอื่น ซึ่งอาจจะหมายถึงพรรคเพื่อไทย ก็น่าจะใช่ ฟังก็ดูแล้วเผินๆอาจทำให้เลือดสูบฉีดแรง
00 แต่ถ้าตั้งสติให้ดีก็ต้องมองให้ออกเช่นเดียวกันว่า ผ่านมาสองปีกว่าในยุคที่ อภิสิทธิ์ เป็นนายกฯได้ฉายแววความเป็นผู้นำแค่ไหน “ดีแต่พูด” หรือไม่ ถามว่าถ้าคราวหน้า เขาได้กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ สภาพเดิมๆจะกลับมาอีกหรือไม่ และเราจะได้รัฐมนตรีที่ชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ กลับมาอีก แล้วมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกหรือ ขอให้ช่วยกันคิด และต้องคิดให้หนัก จะให้ร่วมก้าวไปกับคนพวกนี้อีกหรือ ก้าวไปลงนรกซิไม่ว่า ทุด !!
00 การระดมหาทุนเข้าพรรคปชป.เชื่อว่าคงได้เงินไม่น้อยกว่า 700 ล้าน ถือว่ามากโข นี่ว่ากันเฉพาะ “บนโต๊ะ”เท่านั้นนะ ดูจากบรรยากาศก็คึกคักมีทั้งกลุ่มทุน และการเมือง “เขี้ยวลากดิน” เข้าร่วมพร้อมเพรียง แต่อย่าด่วนสรุปว่านี่คือ “ความชัวร์” เพราะคนพวกนี้ มันก็ย่อม “แทงกั๊ก” ไหลไปไหลมาได้ตลอดอยู่แล้ว
00 เชื่อว่าวันพรุ่งนี้( 11 มี.ค.)เป็นต้นไป คงจะเริ่มนับถอยหลัง เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มตัว หลังจากมีการหารือกันระหว่าง นายกฯอภิสิทธิ์ กับ กกต. แต่นาทีนี้เหมือนกับว่า ปชป.และ อภิสิทธิ์ รวมทั้ง สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นคนกำหนดเกม ซึ่งอาจจะพูดแบบนั้นก็ได้ เพราะถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่คาดว่าสำคัญกว่าพวกเขาถูกสถานการณ์ “บังคับ” ให้ต้องเดินไป ที่สำคัญมันเกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้นมาเสียก่อน
00 ในตอนแรกไม่นึกว่าจะเกิดวิกฤติน้ำมันปาล์มรุนแรงได้ขนาดนี้ คงไม่เคยนึกว่าชาวไทยจะต้องเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อซื้อน้ำมันปาล์มคนละขวด ไม่นึกว่าค่าครองชีพจะพุ่งสูงปรี๊ดจากปัญหาข้าวยากหมากแพงเกินกำลัง และไม่นึกว่านายกฯอภิสิทธิ์ จะถูกเปิดโปงเรื่องโกหกรายวัน สาธยายให้เห็นถึงความล้มเหลวในการรักษาอธิปไตย ถูกกองทัพของประเทศที่ด้อยกว่าอย่างกัมพูชาเหยียดหยามย่ำยี และนึกไม่ถึงว่าปัญหาชายแดนใต้จะหนักหนาสาหัสในยุคที่ ปชป.เป็นรัฐบาลเนื่องจากคุยว่าเป็นคนในพื้นที่รู้ปัญหาที่มาที่ไปอย่างดี สุดท้าย ยังรู้อีกว่าแท้ที่จริงนั้นมันคือ “ของปลอม” เป็นแค่ “หุ่นเชิด” ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น
00 การยัดเยียดข้อหาให้ 2 คนไทย คือวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ จนต้องติดคุกปางตายในเขมร เวลานี้ ก็เพราะ ความ “กะล่อน” ของผู้นำไทย หวังเพียงแค่ให้ตัวเองได้นั่งเก้าอี้ต่อไปวันๆเท่านั้น ไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคนอื่น
00 ด้วยภาพลักษณ์ที่ดี มีต้นทุนทางสังคมที่สูง แต่เชื่อหรือไม่ว่ารัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่แหละที่ “โกงสะบัด” ไม่ต่างหรือมากกว่ายุค “โคตรโกง” ในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เพราะมีการ “ต่อยอด” รับมาโกงต่อจนสำเร็จ ล่าสุดกรณีบริษัทบุหรี่ที่ชื่อ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ที่แม้เป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546-52 สรุปความก็คือบริษัทนี้เลี่ยงภาษีกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท โดยเรียกว่าสำแดงเท็จ นั่นคือแจ้งราคานำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อจะได้เสียภาษีในอัตราที่ต่ำ แต่เมื่อมีการสอบสวนโดย ดีเอสไอตั้งแต่ยุค ทักษิณ และหลังจากที่ ทักษิณ ถูกถีบลงจากเก้าอี้ไปแล้วก็ยังสอบสวนกันต่อจนมีการสรุปความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหารวม 14 คน
00 ประเด็น “หักมุม” มันเกิดขึ้นในยุคนี้ ยุคของ นายกฯ อภิสิทธิ์ ที่การันตีตัวเองเสร็จสรรพว่าไม่โกงไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนนั่นแหละ แต่ในความเป็นจริงกลับมีการล็อบบี้ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อทบทวนความเห็นกันใหม่ มีการอ้างอิงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งสหรัฐฯที่เป็นบริษัทแม่ และฟิลิปปินส์ ที่เป็นประเทศต้นทางที่โอนสินค้าเข้ามา ขณะเดียวกันมีการเคลื่อนไหวของประธานผู้แทนการค้าไทยคนใกล้ตัวของนายกฯคือ “เกียรติ สิทธิอมร” เพื่อมา “รับงาน” ล็อบบี้โดยตรง และในที่สุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค.54 อัยการฝ่ายคดีพิเศษก็มีคำสั่งไม่ฟ้องหน้าตาเฉย
00 ว่ากันว่างานนี้แหละที่จะ “กระชากหน้ากาก” ว่ายังเป็นนายกฯที่ยังใจซื่อมือสะอาดอีกต่อไปหรือไม่ หรือจะเป็นประเภทที่ตัวเองดูดี แต่คนรอบข้างมีแต่ “โจร” หรือประเภทที่ “อยู่ร่วมกับโจร” อย่างไม่กระดาก ซึ่งกรณีนี้แหละที่จะเป็นหมัดเด็ดของฝ่ายค้านที่อาจน็อก นายกฯ “ผู้ดีอังกฤษ” กลางสภาก็ได้ นะพี่น้อง อย่าเอ็ดไป !!