“เจ๊สด” เผย “มาร์ค” ให้เวลา กกต.ในการหารือพร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันแค่ 1 ชั่วโมง คงได้อะไรไม่มาก ย้ำไม่เห็นด้วยที่จะให้ กกต.ออกประกาศแทนให้สภาผ่านร่าง กม.พรรคการเมือง และกฎหมาย กกต.หวั่นเกิดปัญหาในภายหลัง
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุม กกต.วันนี้ (9 มี.ค.) ว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ แล้ว และให้ กกต.นำกลับไปศึกษา เพื่อมาพิจารณาในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง หลังจากที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.กลับจากต่างประเทศแล้ว ว่า จะส่งร่างทั้ง 3 ฉบับไปให้ ครม.และสภาในวันใด ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภาจะบรรจุเข้าสู้ระเบียบวาระ
ทั้งนี้ กกต.ก็อยากให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ พิจารณาให้แล้วเสร็จก่อน โดย กกต.ไม่อยากเร่งรีบ เพราะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ จำเป็นถ้ายุบสภาก็ควรมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องการจะยืดเวลาในการยุบสภา อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม กกต.ก็ยังเห็นว่าเราควรจะเตรียมความพร้อมในการออกประกาศ หากมีการยุบสภา กกต.สามารถออกประกาศได้ทันที กรณีที่หาก พ.ร.บ.ยังไม่แล้วเสร็จ
นางสดศรี กล่าวถึงในการหารือเรื่องความเหมาะสมในการกำหนดวันเลือกตั้งกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในวันศุกร์นี้ ว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานมาว่ามีเวลาหารือกับ กกต.เพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ กกต.ด้วย ทำให้เวลาการหารือคงจะน้อย และคงจะได้อะไรไม่มาก เนื่องจากเป็นเวลาที่สั้นมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง ใครเป็นคนกำหนด กกต.หรือนายกรัฐมนตรี นางสดศรี กล่าวว่า ทางนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนด ส่วน กกต.มีเวลาตลอด 24 ชั่วโมง แต่คิดว่านายกรัฐมนตรี ติดภารกิจอื่น จึงมีเวลาให้ กกต.เพียง 1 ชั่วโมงเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ระยะเวลาในการเลือกตั้ง คือว่าเร็วสุดควรเป็นกี่วัน นางสดศรี กล่าวว่า ระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 กำหนดให้เลือกตั้งทั่วไปไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันยุบสภา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องความพร้อมของรัฐบาลที่จะไปกำหนดว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่ สำหรับ กกต.มีความพร้อมอยู่แล้ว
นางสดศรี กล่่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ต้องรอแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมาย กกต.ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้เลยนั้น ทาง กกต.ยังยืนยันว่า อยากให้กฎหมายลูกทั้งหมดผ่านสภามากกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นตามมาภายหลัง
ส่วนที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ไปสมัครเป็น กสทช.แล้วได้รับการสรรหา ระหว่างที่มีการเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.มีเลขาฯ เพื่อกำกับและดำเนินงานในฝ่ายธุรการ การทำงานทั้งหมดจะมีรองเลขาธิการ ทั้ง 5 ด้าน คอยทำงาน เพียงแต่เลขาธิการจะทำหน้าที่กลั่นกรองงาน ดังนั้น หากเลขาธิการ กกต.ลาออกในช่วงที่มีการเลือกตั้ง จึงไม่น่ามีปัญหา เพราะยังมีรองเลขาธิการ กกต.ในแต่ละด้านที่ยังทำงานอยู่ ส่วนตัวยังเห็นว่าอาจจะให้รองเลขาธิการด้านในด้านใดด้านหนึ่งทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กกต.หรืออาจให้ผู้ตรวจการที่เคยผ่านงานด้านเลขาธิการ กกต.มารักษาการแทนในช่วงที่มีการเลือกตั้ง
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีจะนำเรื่องที่มีกลุ่มบุคคลมาสร้างความปั่นป่วน เพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง โดยมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังมาหารือ กกต.ว่า จะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้องให้ กกต.ดำเนินการตามกฎหมาย และถ้ายื่นมา กกต.ก็จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตาม จะต้องทำเรื่องร้องเรียนมาเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่เพียงการพูดธรรมดา