เลขาธิการ กกต.เผยนายกฯ ประสานมาแล้วจะเข้าพบหารือกับ กกต. เที่ยงตรงศุกร์ที่ 11 มี.ค.นี้ เชื่อจะได้วันยุบสภาและวันเลือกตั้งใหม่ชัดเจน รับห่วงเลือกตั้งรุนแรง เตรียมประสานขอกำลังช่วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ตนได้รับการประสานจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมาแล้วว่าจะเข้าหารือกับ กกต.ในวันศุกร์ที่ 11 มี.ค.เวลา 12.00 น. ที่ชั้น 9 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งการหารือทาง กกต.จะนำเสนอเรื่องความพร้อมและแผนของการเลือกตั้งที่ กกต.ได้จัดทำไว้ รวมทั้งข้อห่วงใยถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. แต่การตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เมื่อจะยุบสภาก็ต้องหารือถึงเรื่องการกำหนดวัน ช่วงระยะเวลา ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อความชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
นายสุทธิพลกล่าวว่า กกต.ได้เตรียมร่างแก้ไข พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าหากมีการประสานสภาฯ จะเร่งพิจารณาได้เร็วเหมือนเช่นการพิจารณารัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ กกต.ไม่ได้ต้องการที่จะยื่นเงื่อนไขว่าจะต้องแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญให้ผ่านก่อนที่จะมีการยุบสภา แต่ กกต.ต้องการดำเนินการในหลักของกฎหมายให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย และไม่กลัวว่าทางการเมืองจะนำเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้าง หรือทำให้การยุบสภาหรือการเลือกตั้งต้องยืดออกไป
เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวอีกด้วยว่า ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีจะมีการรายงานความคืบหน้าการแบ่งเขตเลือกตั้งให้นายกฯ ได้รับทราบความคืบหน้า หลังจากได้รับจำนวนประชากรล่าสุดจากกระทรวงมหาดไทย และทาง กกต.จังหวัดก็ได้จัดการแบ่งเขตใน 3 รูปแบบ รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่
ส่วนการที่พรรคการเมืองต้องการจะเข้าร่วมเป็นกรรมการพิจารณาเรื่องการแบ่งเขตกับ กกต.จังหวัดนั้น นายสุทธิพลกล่าวว่า การเสนอแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.จังหวัดเป็นเพียงส่วนหนึ่งและไม่ใช่ข้อยุติที่สุด เพียงเพียงผู้ดำเนินการจัดการแบ่งเขตและไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ แล้วเสนอมาที่ กกต.กลางที่จะเป็นผู้พิจารณา การที่พรรคการเมืองอยากมีส่วนร่วมก็ควรจะมีส่วนร่วมในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจะเหมาะสมกว่า การเป็นกรรมการพิจารณาอาจมีประเด็นปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในช่วงนี้เหมาะกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า ในช่วงการเลือกตั้งมักไม่มีความรุนแรงในหน่วยเลือกตั้ง เพราะทุกฝ่ายต่างก็อยากที่จะชนะการเลือกตั้ง หากทำลายกระบวนการเลือกตั้งก็จะไม่มีผู้ชนะ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ การทำลายล้าง การลอบยิง ลอบทำร้ายระหว่างการหาเสียง ทั้งนี้จะมีการประสานกับฝ่ายความมั่นคงในการดูแลความปลอดภัย พร้อมนำโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์เข้ามาช่วย หากเป็นไปได้จะให้ผู้สมัครทำข้อตกลงร่วมกันในการหาเสียง เชื่อว่าทุกฝ่ายไม่อยากเห็นความรุนแรง
