“สำราญ” ชี้ประวัติศาสตร์ ปักธงเอาคนอยู่ในพื้นที่เคยทำไทยรอดพ้นเงื้อมมือฝรั่งเศสล่าอาณานิคม ระบุไทยรอเสียดินแดนโดยนิตินัย เหตุเขมรปักธงเหนือวัดแก้วฯ ยึดพื้นที่ แนะทำจดหมายเปิดผนึก ถึง รบ.อินโดฯ ขอเข้าร่วมพิสูจน์เขตแดนด้วย กันเอนเอียงเข้าข้างเขมร ซัดทำผิดพลาดมหันต์ปล่อยแกนนำแดงออกจากคุก เท่ากับเปิดโอกาสให้แก้ตัว ทหารจะกลายเป็นจำเลย ตอกย้ำบาดแผลสะเทือนถึงกองทัพ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง...ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสำราญ รอดเพชร”
วันที่ 8 มี.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลประกาศจะแก้ปัญหาความยากจนใน 2 ปีข้างหน้า พี่น้องเชื่อหรือไม่ แค่น้ำมันปาล์มก็จะตายแล้ว และที่อัปยศที่สุดใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เอาทหาร ตำรวจไปล้อมดูแลรักษาความปลอดภัยบ้านนายกฯ แล้วทำไมไม่ใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ไปรักษาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรบ้าง
เรื่องดินแดนเราจะชุมนุมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เหตุการณ์ขณะนี้ยืนยันเราเสียดินแดนโดยพฤตินัย และยังหมิ่นเหม่เสียดินแดนทางนิตินัยด้วย จากพฤติกรรมที่นายเจริญ คันธวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เคยไปคารวะเขมรมาแล้ว สิ่งนี้จะกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ต่อไปเขมรก็จะเอาหลักฐานนี้มาแสดงว่าไทยเคยขอเข้าเยี่ยมเยียนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นจนทำให้ไทยสูญเสียเขาวิหารมาแล้ว เมื่อครั้งฝรั่งเศสเอาทหารขึ้นไปอยู่บนเขาวิหาร คอยต้อนรับสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ แล้วก็เอาหลักฐานตรงนี้อ้างอิงต่อศาลโลก
ถ้าเราลงนามเห็นชอบเจบีซี เราต้องยอมรับการจัดทำหลักเขตแดนใหม่ และต้องยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 สิ่งเหล่านี้เป็นรายละเอียดที่พี่น้องจะต้องเฝ้าติดตาม ทุกวันนี้มองเขาวิหารทีไรอยากร้องไห้ รัฐบาลดื้อตาใส ทำให้ถลำลึกยิ่งขึ้น
นายสำราญกล่าวว่า อย่าละเลยสิ่งเล็กๆ อย่างกรณีเขมรปักธงชาติเหนือวัดแก้วฯ เพราะในอดีตสมัยรัชการที่ 5 ฝรั่งเศสไล่ล่าอาณานิคมเรา ที่รอดมาได้ก็เพราะธงชาติ ที่ปักไว้ในวัดพุทธ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส หรือเกาะตะรุเตา ที่ฝรั่งเศสพยายามยึดเป็นของเขา ไทยก็อพยพชาวเลไปอยู่บนเกาะ จึงกลายเป็นหลักฐานสำคัญว่าเกาะตะรุเตาเป็นเดินแดนไทย สิ่งเหล่านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เคยใส่ใจบ้างหรือเปล่า อย่าเอาแต่หาเงินเข้าพรรคอย่างเดียว มัวแต่รักษาหน้ากอดเอ็มโอยู 43 คิดไปตายเอาดาบหน้า หวังได้เป็นนายกฯหลังเลือกตั้งแล้วค่อยมาแก้ไขความผิด ตนอยากบอกว่ามันช้าไปแล้ว
ทั้งนี้ ตนอยากเสนอแนวทางหลังจากมีนักข่าวต่างประเทศบางคนคุยกัน เขามีความคิดคล้ายๆ ตน ตอนนี้เราเดินเกมพลาด สถานการณ์ไปไกลถึง ให้ทหารอินโดนีเซียเข้ามาเป็นตัวกลางยืนยันไม่ให้มีการปะทะ ท่ามกลางทหารเขมรตรึงกำลังอยู่ ตามสถาพที่เป็นแล้วจะให้อินโดนีเซีย จะคิดอย่างไรในเมื่อที่เขายืนอยู่มีแต่ทหารเขมรเต็มไปหมด ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ตนอยากเสนอกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลอินโดนีเซียผ่านทางสถานทูตให้เราเข้าร่วมสังเกตการณ์ เพื่อดักคออินโดนีเซียให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่เข้าข้างกัมพูชา
นายสำราญกล่าวต่อว่า ในส่วนของกองทัพ ตนรู้ว่าทหารหาญหลายคนอึดอัดกับแนวทางของรัฐบาล ในขณะเดียวกันทหารหาญหลายคนก็เข้าทาง ไม่ต้องสู้รบจะได้ขายกุนเชียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี ยังไม่สายหากทหารจะลุกขึ้นสู้ ทั้งที่ทางพฤตินัยเราเสียดินแดนไปมากแล้ว
ทั้งนี้ ท่ามกลางความฝันที่นายอภิสิทธิ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ จัดปรองดองปล่อยแกนนำแดง ถือเป็นการปล่อยเสือออกจากกรง เป็นเกมที่รัฐบาลผิดพลาดมหันต์ หารู้ไม่ว่าหมากเกมนี้มันอันตรายต่อบ้านเมืองและสถาบันอย่างมาก อีกไม่กี่วันเกมอภิปรายในสภา นายจตุพร ต้องไปพูดเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองแน่นอน เท่ากับเปิดโอกาสให้เสื้อแดงแก้ตัว และภายใต้ความหน่อมแน้มของรัฐบาลนี้ กำลังทำให้ทหารกลายเป็นจำเลย ยิ่งตอกย้ำบาดแผล จะส่งแรงสะเทือนถึงกองทัพ
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังประกาศท้าทายรัฐบาลว่า พรรคไหนชนะเลือกตั้งให้พรรคนั้นจัดตั้งรัฐบาล นี่คือเกมของพรรคเพื่อไทย ถ้าเขาหาตัวนายกฯ จากเพื่อไทยไม่ได้ สุดท้ายพรรคชาติไทยของบรรหารจะบอกว่าอย่ากระนั้นเลย ให้ พล.ต.สนั่นเป็นนายกฯ เถอะ ทิศทางบ้านเมืองจะเป็นอย่างนี้
นายสำราญกล่าวว่า นายสุเทพบอกอีก 2 เดือนจะจัดตั้งทีวีของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง โดยอ้างเสื้อเหลือง มีเอเอสทีวี ส่วนเสื้อแดงก็มีทีวีเป็นของตัวเอง สิ่งเหล่านี้นายสุเทพกำลังบอกว่าเอเอสทีวีเป็นปากเสียงของพรรคการเมืองบางพรรค ตรงนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง เอเอสทีวีคือทีวีของประชาชนจริงๆ อย่างไรก็ดี ทุกอย่างไม่สำคัญที่มีทีวีหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ขายบ้านขายเมืองหรือเปล่า โกหกหรือไม่ ที่ตนหยิบเรื่องนี้มาพูดก็ไม่ได้มีอะไร แค่บอกให้รู้เขารู้เราบ้างพอสมควร
