“โฆษกมาร์ค” หมดปัญญาแก้ปัญหากลุ่มคนเสื้อแดง โห่ไล่นายกฯ วอนเพื่อไทยสั่งแนวร่วมหยุดเคลื่อนไหว ก่อนเรียกร้อง “มาร์ค” ให้ฟันธงวันยุบสภา ดักคออย่าปากว่าตาขยิบเพราะไม่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง หนุนตั้ง กก.สอบข้อมูลซักฟอก สกัดฝัน แนะ “เฉลิม” คิดให้ตก หลังโพลดันขึ้นแท่นผู้นำศึกซักฟอกแทน “มิ่งขวัญ” ปัดข่าวดูด ส.ส.เข้าพรรค ยันไม่คิดใช้วิธีสกปรกให้ได้ ส.ส.เกินครึ่ง
วันนี้ (6 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำหนดวันยุบสภาให้ชัดเจนว่า ขณะนี้หากดูสถานการณ์ทางการเมือง ถือว่ายังอยู่ในภาวะไม่ปกติเท่าที่ควร ยังเห็นการลงพื้นที่ของนายกฯถูกขัดขวางจากกลุ่มคนเสื้อแดงบ่อยๆ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มีพัฒนาการเคลื่อนไหวรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจาก 7 แกนนำ นปช.ได้รับประกันตัวออกมา และยังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเลี้ยงกระแสคนเสื้อแดง เพื่อไม่ให้ตกกระแสการเมืองไป ทั้งที่เป้าหมายการเคลื่อนไหวเปลี่ยนข้อเสนอไปมาตลอด และเป้าหมายสำคัญในการเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำคนเสื้อแดง ก็ได้รับการสนองตอบตามข้อเรียกร้องแล้ว จึงไม่ทราบว่าการเคลื่อนไหวในขณะนี้มีเป้าประสงค์ใดกันแน่
นายเทพไท กล่าวว่า แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากการเคลื่อนไหวในลักษณะชุมนุมใหญ่แล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวในลักษณะดาวกระจาย จัดตั้งคนเป็นกลุ่มๆ เพื่อต่อต้านนายกฯในช่วงลงพื้นที่ต่างๆ โดยล่าสุด การที่มีคนยกป้ายต่อต้านนายกฯและตะโกนด่าในระหว่างการบรรยายในงาน100 ปี สภาสตรีไทย รวมถึงการทำกิจกรรมทางการเมืองที่สวนจตุจักรในการเปิดแคมเปญหาเสียงของนายกฯที่ถือเป็นกิจกรรมการหาเสียงของพรรคการเมือง ก็ยังถูกขัดขวางจากคนกลุ่มเสื้อแดง จึงไม่มีหลักประกันใดที่จะบ่งบอกได้ว่าหากมีการยุบสภาแล้วจะไม่มีการต่อต้านการรณงค์หาเสียงของพรรคการเมือง
“หากพรรคเพื่อไทยต้องการที่จะให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วจริง ก็ควรส่งสัญญาณ หรือห้ามปราบกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นฐานเสียงของตนเองให้ยุติความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว มิเช่นนั้นแล้วเงื่อนไข 3 ข้อ ที่นายกฯวางไว้ก็ไม่สามารถทำให้การยุบสภาเป็นไปได้จริง เว้นแต่พรรคเพื่อไทยไม่มีความพร้อมในการเลือกตั้ง ทำปากว่าตาขยิบ ปากเรียกร้องให้มีการยุบสภาโดยเร็ว แต่ลับหลังส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อต้านไม่ให้มีการยุบสภาเกิดขึ้น จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยแกนนำคนเสื้อแดง กลุ่ม นปช.ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันได้ออกมาให้สัญญาประชาคม หรือทำสัตยาบรรณว่าเมีความพร้อมและสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว”
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบเอกสาร คลิปวิดีโอ ที่ใช้ประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้ความร่วมมือและสนับสนุน เพราะการมีคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำให้มีการแก้ปัญหาความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นระหว่างการอภิปรายได้ ไม่ต้องมีการทักท้วงหรือตรวจสอบว่ามีการใช้เอกสารปลอม บิดเบือนตัดต่อ ถ้าเอกสารประกอบการอภิปรายฯผ่านการตรวจสอบแล้วก็ถือว่าทุกฝ่ายควรให้การยอมรับ ถ้าไม่มีคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมา จะทำให้ผู้อภิปรายบางคนใช้ความสามารถเฉพาะตัวเอาเรื่องเท็จมาพูดในสภา ซึ่งเป็นวิธีการที่ตัวเองถนัดเหมือนกับการบิดเบือนข้อมูลในการปราศรัยบนเวทีของคนเสื้อแดง ที่ใส่ร้ายรัฐบาลตลอดเวลา พยายามผลักให้รัฐบาลตกเป็นจำเลยของสังคม เป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน แล้วตัวเองเป็นฮีโร่ เป็นผู้ถูกกระทำจากรัฐบาล หากพรรคฝ่ายค้านมีความบริสุทธิ์ใจก็ควรที่จะสนับสนุนคณะกรรมการชุดดังกล่าว และส่งข้อมูลมาพิสูจน์กันให้เห็นต่อหน้าต่อตา
ส่วนผลสำรวจของโพลบางสำนักที่ประชาชนสนับสนุนให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่พรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนให้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นผู้นำอภิปรายฯแทน แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ฟังเสียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มากกว่าเสียงอืนใด เมื่อเป็นเช่นนี้คงทำให้คอการเมือง และแฟนฟันธุ์แท้ของ ร.ต.อ.เฉลิม ผิดหวัง เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยก็คงจะไม่แคร์ผลสำรวจของประชาชน ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ก็ควรที่จะพิจารณาสถานะของตัวเองว่าควรจะสังฆกรรมกับการอภิปรายฯครั้งนี้หรือไม่ การตัดสินใจกลับไปมาของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่าจะร่วมอภิปรายบ้าง ไม่ร่วมบ้างอาจจะทำให้เกิดความเสื่อมได้
ส่วนผลสำรวจในประเด็นที่ประชาชนอยากเห็นการอภิปรายมากที่สุด คือ เรื่องปากท้องของประชาชนนั้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้พูดเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ของนักการเมือง เพราะฉะนั้นการนำเอาประเด็นสลายการชุมนุม และทุจริตคอรัปชั่นมาอภิปราย ประชาชนไม่สนับสนุน เพราะการอภิปรายฯเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชนโดยตรง แต่เป็นการฟอกตัวให้กับแกนนำนปช.ให้พ้นจากความผิดที่ตัวเองก่อไว้
ส่วนปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ประชาชนยังเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตของนายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีช่าวคราวหรือประเด็นใดที่เป็นที่สงสัยของประชาชนในความซื่อสัตย์ของนายกฯคนนี้ การที่ฝ่ายค้านพยายามพาดพิงมาถึงคนใกล้ชิดของนายกฯก็เป็นการเปิดประเด็นที่ต้องการอภิปรายนายกฯในเรื่องความซื่อสัตย์ เมื่อไม่สามารถเอาผิดนายกฯโดยตรงได้ ก็พยายามเลี่ยงบาลี กล่าวหาคนใกล้ชิด
“ผมขอยืนยันว่า ไม่มีคนใกล้ชิดคนใดของนายกฯที่มีพฤติกรรมแตกต่างกับเจ้านายของตัวเอง ถ้าเจ้านายบริสุทธิ์ก็จะต้องมีลูกน้องบริสุทธิ์ด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่คนดีย่อมอยู่กับคนดี คนชั่วย่อมอยู่ในหมู่คนชั่ว เป็นสัจธรรมของสังคม” นายเทพไท กล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์มีการเตรียมการวางแผนที่จะดูด ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลนั้น ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังหวาดระแวงพฤติกรรม ส.ส.ของพรรคตัวเองว่าจะถูกดูด และมีการย้ายพรรค จึงกลับมาใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ใช้วิธีการดูด ส.ส.จากพรรคการเมืองใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.นำพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก็ให้เกียรติกับพรรคร่วมมาโดยตลอด จะไม่มีการแย่งชิง ส.ส.ในลักษณะตกปลาในอ่างอย่างเด็ดขาด และในขณะนี้ก็ยังไม่มีกระแสข่าวว่าส.ส.พรรรคร่วมรัฐบาลคนใดจะย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์
“ถ้าจะมีก็คงจะเป็นเฉพาะพรรคฝ่ายค้านที่ต้องการจะเปลี่ยนขั้วการเมือง เพราะมีการวิเคราะห์และฟันธงอย่างชัดเจนว่า พรรคยังคงเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป และเป็นธรรมดาของนักการเมืองที่อยากจะสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน การอยู่พรรคการเมืองบางพรรคที่มีสัญญาณบ่งบอดว่าอนาคตจะเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างถาวร ก็ไม่มีใครอยากสังกัดด้วย ฉะนั้นขออย่าออกมาใส่ร้ายและกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด”
นายเทพไท กล่าวว่า พรรคยืนยันว่าแม้ว่าเราจะต้องการได้เสียง ส.ส.เกินครึ่งเพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ตามที่ประกาศไว้ก็ตาม แต่ก็จะไม่ใช้วิธีการสกปรกผิดกฏหมาย และผิดมารยาททางการเมืองโดยเด็ดขาด ถ้าเสียงส.ส.ไม่เกินครึ่งพร้อมที่จะจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองเดิมต่อไป ซึ่งนั่นหมายความว่า พรรคได้เสียงมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าได้เสียงเป็นอันดับสองก็จะหลีกทางให้พรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือเป็นธรรมดาทางการเมือง