“เทือก” พร้อมฟัน ตร.แกล้งจับผู้ค้าน้ำมันปาล์มรายย่อย มั่นใจไม่ขาดแคลนอีก

“สุเทพ” เผยคุย กก.นโยบายยางพารา รับพันธุ์กล้ายางหายากแถมแพงขึ้น ยันไม่ส่งเสริมบุกรุกป่าปลูก ปัดตำรวจแกล้งจับน้ำมันปาล์มแต่รายย่อย ลั่นถ้ามีให้บอกมา วอนผู้ค้าอย่าซ้ำเติมชาวบ้าน ไม่หนุนราชการขายเอง มั่นใจไม่ขาดแคลนอีก โยนดีเอสไอตามล่าตัวการ เชื่อพวกซื้อตุนไม่มีประโยชน์

วันนี้ (4 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางพารา ซึ่งมีเรื่องสำคัญ 2 เรื่องที่จะต้องพูดคุยกัน คือ 1.การเพิ่มเงินค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกยางพารา ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผลกระทบต่อคนที่มีสัญญาส่งยาวไว้ก่อน ซึ่งได้มีมติของคณะกรรมการยางพาราเอาไว้ว่า ในกรณีเช่นนี้ก็จะให้ได้รับคืนเงินค่าธรรมเนียมที่เก็บเพิ่มขึ้นเพราะเขาไม่ได้บวกไว้ในต้นทุนในตอนแรก แต่กรณีนี้เมื่อมีการให้ยื่นจริงปรากฎว่ามีคนยื่นเข้ามามาก จึงทำให้สงสัยว่าไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ จึงต้องตรวจสอบกันนานหน่อย จึงต้องมาหารือกันในรายละเอียดและข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มีวิธีการตรวจสอบอย่างไร และ 2.จะมีการหารือกันในเรื่องต้นทุนการปลูกยางสำหรับผู้ที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนให้ปลูกยางพารารายใหม่ คือผู้ที่เป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีเนื้อที่ไม่เกิน 15 ไร่ และมีความเหมาะสม มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ ดินดี ประสงค์จะปลูกยาง ทาง ครม.ได้มีมติให้สนับสนุนเพิ่มขึ้นในปีนี้อีก 8 แสนไร่ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกเกษตรกร

นายสุเทพกล่าวด้วยว่า แต่ปัญหาขณะนี้คือพันธุ์กล้ายางหายาก ต้นทุนกล้ายางแพงขึ้น ดังนั้นก็ต้องมาพิจารณาเรื่องต้นทุนในส่วนนี้ด้วย เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการผูกขาดอยู่เจ้าเดียว ก็ไม่น่าจะแพงขึ้นได้ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ความจริงแหล่งผลิตกล้ายางมีมาก ทำได้ แต่การทำก็จำกัดเหมือนกัน และความต้องการสูงมากเนื่องจากราคายางพาราสูง จึงทำให้มีแรงจูงใจให้คนหันมาปลูกยางพารากันมากขึ้น เมื่อถามว่าจะมีการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนไปปลูกยางพาราอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า แน่นอน เราไม่ส่งเสริมและไม่อนุญาตให้นำพื้นที่ที่ไปบุกรุกมา ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของรัฐประเภทไหนมาปลูกยางพารา เราไม่ให้อยู่แล้ว

นายสุเทพยังกล่าวถึงปัญหาน้ำมันปาล์มที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่จับแต่พ่อค้ารายย่อยที่ซื้อจากยี่ปั๊วมาแพงทำให้เป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะกลั่นแกล้งจับแต่พ่อค้ารายย่อยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปกลั่นแกล้งแน่นอน ถ้ามีขอให้แจ้งมา ตนก็จะจัดการกับเจ้าหน้าที่อีกต่อหนึ่ง

“ที่เราต้องทำก็เพราะว่าในเวลาที่บ้านเมืองมีปัญหาอย่างนี้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่าถือโอกาสเอากำไร เอาเปรียบประชาชนกันเอง รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ถ้าฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินการทั้งนั้น เราอย่าซ้ำเติมพวกเรากันเอง”รองนายกฯ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีส่วนราชการบางแห่งโดยเฉพาะในทำเนียบรัฐบาลนำน้ำมันมาขายให้กับข้าราชการ แต่ไม่เพียงพอจนเกิดปัญหาโวยวายกันขึ้น ซึ่งอาจเป็นตัวอย่างให้หน่วยราชการอื่นทำบ้างก็ได้นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงตนไม่เห็นด้วยที่หน่วยราชการจะนำน้ำมันมาขายในสถานที่ราชการเช่นนี้เอง เพราะราชการไม่เก่งเรื่องค้าขาย แต่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายที่ทำนั้นต้องการที่จะผ่อนคลายภาระของข้าราชการในสถานที่นั้นๆ หรือไม่ แต่คิดว่าควรจะใช้กลไกตลาดตามปกตินี่แหล่ะ เพียงแต่ไปดูแลให้ดี เรื่องของการกระจายสินค้าอาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในช่วงวันแรก ๆ ของการผลิต ที่อาจต้องใช้เวลาในการขนส่ง แต่การใช้เวลาอย่างนั้นจะถึงขนาด 5 วัน 8 วัน ก็คงเกินไป

“ผมจะติดตามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา และผมให้ความมั่นใจได้ว่าไม่มีโอกาสที่น้ำมันปาล์มจะขาดแคลนอีก ซึ่งวันที่ 8 มี.ค.นี้ ผมจะประชุมทบทวน ตรวจสอบอีกทีหนึ่งและจะได้ดูว่าผลผลิตของเราที่ออกมาในช่วงนี้เพิ่มขึ้นในปริมาณที่เราพอใจแล้วหรือไม่ หากยังไม่มั่นใจเรื่องผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ผมก็จะอนุญาตให้นำเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูแลให้มีความสมดุลและขอให้มั่นใจว่าคณะกรรมการฯจะดูแลได้” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้ทำไมยังไม่สามารถได้ตัวการใหญ่ที่กักตุนได้ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่จะดำเนินการจับกุม และว่าไปตามหลักฐาน เมื่อถามว่า น้ำมันขณะนี้มีทั้งฝาที่ฟ้าและชมพู แสดงว่าฝาสีฟ้ายังค้างอยู่ในสต๊อกอีกมากใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าฝาสีฟ้าค้างอยู่ในสต๊อกอีกเท่าไหร่ แต่ที่จริงก็ไม่ได้ผิดอะไร จะฝาสีอะไรก็แล้วแต่ เพราะเราได้ควบคุมราคาไว้แล้วว่าต้องไม่เกิน 47 บาท ซึ่งประชาชนต้องการซื้อฝาสีอะไรก็ตามใจเพราะราคาเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ขณะนี้ในห้างต่างๆ น้ำมันยังขาดอยู่เพราะไม่จำกัดการซื้อ จึงทำให้ไม่พอเพียงหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่ซื้อมากๆ หลายๆ ลัง ก็ใช้ไม่หมด และต่อไปเมื่อรัฐบาลกระจายได้ทั่วถึง คนที่เอาซื้อเอาไปกักตุนไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร