โฆษกเพื่อไทย เปิดแคมเปญ 5 ล้มเหลว 10 จำทน สะท้อนความล้มเหลว รบ.5 ด้าน แฉวิชามารสั่งเก็บป้ายรณรงค์คู่แข่งทั่วกรุง ขู่ฟ้องผู้ว่าฯ กทม.นอมินี ปชป.ฐาน 2 มาตรฐาน
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ได้เปิดแคมเปญ 5 ล้มเหลว 10 จำทน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล 5 ด้าน และประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานกับการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพและผิดพลาดของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงผลของการติดตามการทำงานของรัฐบาล ตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน โดยติดป้ายทั่วกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.54 แต่ปรากฏว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลได้เปิดนโยบายและแคมเปญหาเสียงบ้าง เมื่อวันที่ 27 ก.พ.54 ที่ผ่านมา โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธาน หลังจากนั้น ก็ได้มีการติดป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนทราบถึงนโยบาย แต่มีการใช้วิชามารในการเก็บป้าย 5 ล้มเหลว 10 จำทน ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน เป็นการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองแบบผู้ที่กระทำไม่มีน้ำใจนักกีฬา เป็นการดำเนินการที่เป็น 2 มาตรฐานทางการเมือง เหมือนป้ายของพรรคเพื่อไทย แทงใจดำผู้นำรัฐบาล หรือผู้บริหารในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ป้ายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำรัฐบาลก็ยังติดอยู่ แต่ป้ายของเพื่อไทยฝ่ายค้าน ถูกมือดีเก็บเรียบทุกเขต โดยฝีมือเทศกิจ โดยอ้างว่ามีผู้ร้องเรียนเพื่อให้เก็บป้าย แต่หากจะเก็บก็ควรทำให้เสมอภาคเหมือนกัน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนอยากถามไปยัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ว่า เรื่องนี้มีนัยทางการเมืองหรือไม่ ใครเป็นคนสั่งให้เก็บป้ายของฝ่ายค้าน หรือว่ายุคนี้ผู้ว่าฯ กทม.เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์จะทำอะไรก็ได้กับฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าจะเก็บทั้งทีก็จะต้องเก็บทุกพรรค รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมไม่ใช่เป็นการเลือกปฏิบัติ เหลือไว้เฉพาะพรรคของตัวเอง ตนขอประณามคนที่อยู่เบื้องหลังในการสั่งการว่าเป็นพวกที่น่าจะชั่วช้า ไม่มีสมองคิด ไร้สติ ไร้ความเป็นธรรม ซึ่งเรื่องนี้ตนจะหารือกับฝ่ายกฎหมาย เพราะได้ทั้งภาพและรูปถ่ายรถที่มาเก็บป้าย แบบจำนนต่อหลักฐาน ว่าจะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป กับผู้ว่าฯ กทม. หรือผู้ที่สั่งการ ถ้าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง หรือเป็นการเลือกปฏิบัติ
