ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือมีประเด็นใหม่จนน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะยังมุ่งไปที่วาระล้างแค้นให้ ทักษิณ ชินวัตร ฟอกขาวให้ก่อการร้ายแดง แทนที่จะพุ่งเป้าหลักไปที่การตรวจสอบเพื่อปกปักรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม
แต่ไม่ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร ก็ขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านตามระบบรัฐสภาที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดกติกาไว้ เพราะนี่คือการถ่วงดุลตามระบอบประชาธิปไตยและฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ชำแหละให้ประชาชนคนไทยได้เห็นข้อมูลกันชัด ๆ ว่าการบริหารงานของรัฐบาลมีรูโหว่ รูรั่ว หรือใครประกอบกรรมชั่วต่อบ้านเมืองอย่างไร
เนื้อหาของการอภิปรายจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนควรจะได้ติดตามสดับตรับฟังเพื่อเก็บเป็นข้อมูลในการตัดสินใจกำหนดอนาคตประเทศ ในวันที่การเลือกตั้งมาถึง หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีก็ต้องให้เครดิต แต่ถ้าโหลยโท่ยมีแต่การกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี ยกหางทักษิณ ทับถมประเทศ ขยายความแตกแยกในชาติเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ประชาชนก็จะตัดสินใจได้เช่นเดียวกันว่าควรเลือกพรรคการเมืองเช่นนี้ให้เข้ามามีอำนาจบริหารประเทศหรือไม่
เช่นเดียวกันถ้ารัฐบาลไม่สามารถตอบข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจน ประชาชนก็ควรลงทาพรรคการเมืองเหล่านั้นตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกจากจำนวนและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายคือ เป็นที่น่าสังเกตว่าพรรคเผาไทยเลือกเป้าเชือดคราวนี้อยู่ที่ 2 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย
ซึ่งหากถอดรหัสจากสมการอภิปรายแค่สองพรรคก็อาจพอมองเห็นถึงการวางหมากหลังการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยได้ว่า มีความตั้งใจจะผลักให้พรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะเชื่อว่าพรรคของตัวเองจะยังได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเก็บดาบเข้าฝักไม่ฟาดฟันไปที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นซึ่งจะต้องพึ่งพิงเสียงกันในอนาคต
เพราะหากพิจารณาจากข้อมูลที่ฝ่ายค้านเตรียมจะอภิปราย กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เกี่ยวกับประเด็นการพิมพ์หวยเพิ่ม 4 ล้านฉบับ จะเห็นว่าความจริงคนที่รับผิดชอบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยตรง คือ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ดังนั้นหากมีความไม่ชอบมาพากลหรือความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นคนที่ไม่พ้นบ่วงความรับผิดชอบก็คือ ประดิษฐ์ ที่ต้องพ่วงควบคู่กันไปด้วย แต่พรรคเพื่อไทยก็เลือกที่จะเว้นวรรคข้ามไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณ์ แทน
ไม่แตกต่างอะไรกับกรณีที่พรรคเพื่อไทยไว้ไมตรีทอดสายตาให้กับบรรหาร ศิลปอาชา ด้วยการไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ทั้ง ๆ ที่มีความฉาวโฉ่เกี่ยวกับการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ของกระทรวงจำนวนมาก แต่ชุมพล ก็รอดพ้นไม่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้แต่ครั้งเดียวตลอดกว่าสองปีที่ดำรงตำแหน่งนี้ ทั้งที่ความดีไม่ค่อยปรากฏมีแต่ความฉาวที่กระฉ่อนออกมาเป็นระลอก
ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเป็นที่รับรู้กันดีในวงการการเมืองว่า “ปลาไหลเฒ่า”อย่างบรรหารต่อทั้งสายเกี่ยวทั้งขาเผื่อขาดเผื่อเหลือพร้อมเปลี่ยนข้างย้ายขั้วมาตลอดหากโอกาสอำนวย
ถ้ายังจำกันได้ ในวันที่แดงเริ่มแผนเผาเมืองหลังการฆาตกรรมทหารกลางสี่แยกคอกวัว มีข้อเสนอจากบรรดา “แกนนำก่อการร้ายแดง”ขอให้บรรหารเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับการชุมนุมทำลายชาติ แต่ปลาไหลเฒ่าเก๋าเกมพอที่จะไม่กระโดดลงโคลนเพราะอ่านออกว่า ทักษิณ อยู่ในภาวะชักเข้าชักออกไอ้ทีบอกว่าจะสงบศึก อีกขาหนึ่งกลับเดินหน้าฆ่าฟัน ดังนั้นคนเหลี่ยมคูจัดอย่างบรรหารก็เลยไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เลี่ยงออกมานั่งบนภูดูทักษิณทำร้ายชาติและไม่เคยคิดแม้แต่จะช่วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คลี่คลายสถานการณ์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
จากนั้นกิเลสแห่งความอยากได้ใคร่ดีในอำนาจก็ชักพาให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เข้าสู่ถนนสายปรองดอง ที่ว่ากันว่าใช้งบประมาณก่อสร้างจากเงินของคนแดนไกลหลักพันล้านบาท
ไม่เพียงแต่มีงบงามมาดึงดูดเท่านั้น ยังมีสัญญาใจเกี่ยวกับตำแหน่งสูงสุดในประเทศให้ชาละวันเมืองพิจิตรน้ำลายสออีกด้วย โดยไม้แรกหวังให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบเกิดสูญญากาศทางการเมืองนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจและพรรคเพื่อไทยจะดัน พล.ต.สนั่น เป็นนายกรัฐมนตรี ชูสัญลักษณ์ปรองดอง
โชคดีฟ้ามีตา สูญญากาศทางอำนาจไม่เกิด ชาละวันก็เลยฝันค้างแต่ยังไม่หมดหวังเพราะ ทักษิณ กดโหมดสู่แผนสองตีปี๊บล่วงหน้าว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการทุจริตครั้งใหญ่ เพื่อวางแผนสร้างความชอบธรรมให้คนเสื้อแดงออกมาป่วนบ้านเมืองอีกครั้ง หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และสุดท้ายก็จะเดินเกมบีบประเทศนี้ต้องยอมรับให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปเป็นรัฐบาลไม่เช่นนั้นชาติไม่สงบ
โดยยังมีความพยายามที่จะใช้สูตรรัฐบาลปรองดองแห่งชาติให้ทุกพรรคมาร่วมเป็นรัฐบาลและให้ พล.ต.สนั่น เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่แผนนี้มีปัจจัยเหนือการควบคุมหลายอย่าง มิใช่จะสำเร็จได้โดยง่าย และ พล.ต.สนั่น ก็ควรทำใจเผื่อไว้ด้วยว่า วันนี้อาจถูกหลอกให้คิดว่าเป็นตัวจริง แต่ถึงวันเวลาที่เหมาะสมอาจถูกถีบตกจากสวรรค์ที่วาดฝันไว้จนเจ็บปางตาย
ถ้าไม่เชื่อก็ให้ดูบทเรียนจาก สมัคร สุนทรเวช เป็นตัวอย่างว่ามีจุดจบทางการเมืองอย่างไร
เพราะตัวจริงในใจ ที่ทักษิณ หมายมั่นปั้นมือคือ ให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงแต่กำลังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
แต่คนอย่าง พล.ต.สนั่น คงจะหาสำนึกรับผิดชอบชั่วดีที่จะระงับความอยากของตัวเองยาก เพราะวันนี้แม้รู้ดีไม่ใช่ตัวจริง ขอเป็นแค่ตัวคั่นกลางก็ยังดี เนื่องจากศักดิ์ศรีทางการเมืองได้ตายไปนานแล้ว
แต่ไม่ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร ก็ขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านตามระบบรัฐสภาที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดกติกาไว้ เพราะนี่คือการถ่วงดุลตามระบอบประชาธิปไตยและฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ชำแหละให้ประชาชนคนไทยได้เห็นข้อมูลกันชัด ๆ ว่าการบริหารงานของรัฐบาลมีรูโหว่ รูรั่ว หรือใครประกอบกรรมชั่วต่อบ้านเมืองอย่างไร
เนื้อหาของการอภิปรายจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนควรจะได้ติดตามสดับตรับฟังเพื่อเก็บเป็นข้อมูลในการตัดสินใจกำหนดอนาคตประเทศ ในวันที่การเลือกตั้งมาถึง หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีก็ต้องให้เครดิต แต่ถ้าโหลยโท่ยมีแต่การกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี ยกหางทักษิณ ทับถมประเทศ ขยายความแตกแยกในชาติเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ประชาชนก็จะตัดสินใจได้เช่นเดียวกันว่าควรเลือกพรรคการเมืองเช่นนี้ให้เข้ามามีอำนาจบริหารประเทศหรือไม่
เช่นเดียวกันถ้ารัฐบาลไม่สามารถตอบข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจน ประชาชนก็ควรลงทาพรรคการเมืองเหล่านั้นตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกจากจำนวนและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายคือ เป็นที่น่าสังเกตว่าพรรคเผาไทยเลือกเป้าเชือดคราวนี้อยู่ที่ 2 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย
ซึ่งหากถอดรหัสจากสมการอภิปรายแค่สองพรรคก็อาจพอมองเห็นถึงการวางหมากหลังการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยได้ว่า มีความตั้งใจจะผลักให้พรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะเชื่อว่าพรรคของตัวเองจะยังได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเก็บดาบเข้าฝักไม่ฟาดฟันไปที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นซึ่งจะต้องพึ่งพิงเสียงกันในอนาคต
เพราะหากพิจารณาจากข้อมูลที่ฝ่ายค้านเตรียมจะอภิปราย กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เกี่ยวกับประเด็นการพิมพ์หวยเพิ่ม 4 ล้านฉบับ จะเห็นว่าความจริงคนที่รับผิดชอบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยตรง คือ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ดังนั้นหากมีความไม่ชอบมาพากลหรือความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นคนที่ไม่พ้นบ่วงความรับผิดชอบก็คือ ประดิษฐ์ ที่ต้องพ่วงควบคู่กันไปด้วย แต่พรรคเพื่อไทยก็เลือกที่จะเว้นวรรคข้ามไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณ์ แทน
ไม่แตกต่างอะไรกับกรณีที่พรรคเพื่อไทยไว้ไมตรีทอดสายตาให้กับบรรหาร ศิลปอาชา ด้วยการไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ทั้ง ๆ ที่มีความฉาวโฉ่เกี่ยวกับการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ของกระทรวงจำนวนมาก แต่ชุมพล ก็รอดพ้นไม่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้แต่ครั้งเดียวตลอดกว่าสองปีที่ดำรงตำแหน่งนี้ ทั้งที่ความดีไม่ค่อยปรากฏมีแต่ความฉาวที่กระฉ่อนออกมาเป็นระลอก
ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเป็นที่รับรู้กันดีในวงการการเมืองว่า “ปลาไหลเฒ่า”อย่างบรรหารต่อทั้งสายเกี่ยวทั้งขาเผื่อขาดเผื่อเหลือพร้อมเปลี่ยนข้างย้ายขั้วมาตลอดหากโอกาสอำนวย
ถ้ายังจำกันได้ ในวันที่แดงเริ่มแผนเผาเมืองหลังการฆาตกรรมทหารกลางสี่แยกคอกวัว มีข้อเสนอจากบรรดา “แกนนำก่อการร้ายแดง”ขอให้บรรหารเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับการชุมนุมทำลายชาติ แต่ปลาไหลเฒ่าเก๋าเกมพอที่จะไม่กระโดดลงโคลนเพราะอ่านออกว่า ทักษิณ อยู่ในภาวะชักเข้าชักออกไอ้ทีบอกว่าจะสงบศึก อีกขาหนึ่งกลับเดินหน้าฆ่าฟัน ดังนั้นคนเหลี่ยมคูจัดอย่างบรรหารก็เลยไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เลี่ยงออกมานั่งบนภูดูทักษิณทำร้ายชาติและไม่เคยคิดแม้แต่จะช่วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คลี่คลายสถานการณ์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
จากนั้นกิเลสแห่งความอยากได้ใคร่ดีในอำนาจก็ชักพาให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เข้าสู่ถนนสายปรองดอง ที่ว่ากันว่าใช้งบประมาณก่อสร้างจากเงินของคนแดนไกลหลักพันล้านบาท
ไม่เพียงแต่มีงบงามมาดึงดูดเท่านั้น ยังมีสัญญาใจเกี่ยวกับตำแหน่งสูงสุดในประเทศให้ชาละวันเมืองพิจิตรน้ำลายสออีกด้วย โดยไม้แรกหวังให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบเกิดสูญญากาศทางการเมืองนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจและพรรคเพื่อไทยจะดัน พล.ต.สนั่น เป็นนายกรัฐมนตรี ชูสัญลักษณ์ปรองดอง
โชคดีฟ้ามีตา สูญญากาศทางอำนาจไม่เกิด ชาละวันก็เลยฝันค้างแต่ยังไม่หมดหวังเพราะ ทักษิณ กดโหมดสู่แผนสองตีปี๊บล่วงหน้าว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการทุจริตครั้งใหญ่ เพื่อวางแผนสร้างความชอบธรรมให้คนเสื้อแดงออกมาป่วนบ้านเมืองอีกครั้ง หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และสุดท้ายก็จะเดินเกมบีบประเทศนี้ต้องยอมรับให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปเป็นรัฐบาลไม่เช่นนั้นชาติไม่สงบ
โดยยังมีความพยายามที่จะใช้สูตรรัฐบาลปรองดองแห่งชาติให้ทุกพรรคมาร่วมเป็นรัฐบาลและให้ พล.ต.สนั่น เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่แผนนี้มีปัจจัยเหนือการควบคุมหลายอย่าง มิใช่จะสำเร็จได้โดยง่าย และ พล.ต.สนั่น ก็ควรทำใจเผื่อไว้ด้วยว่า วันนี้อาจถูกหลอกให้คิดว่าเป็นตัวจริง แต่ถึงวันเวลาที่เหมาะสมอาจถูกถีบตกจากสวรรค์ที่วาดฝันไว้จนเจ็บปางตาย
ถ้าไม่เชื่อก็ให้ดูบทเรียนจาก สมัคร สุนทรเวช เป็นตัวอย่างว่ามีจุดจบทางการเมืองอย่างไร
เพราะตัวจริงในใจ ที่ทักษิณ หมายมั่นปั้นมือคือ ให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงแต่กำลังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
แต่คนอย่าง พล.ต.สนั่น คงจะหาสำนึกรับผิดชอบชั่วดีที่จะระงับความอยากของตัวเองยาก เพราะวันนี้แม้รู้ดีไม่ใช่ตัวจริง ขอเป็นแค่ตัวคั่นกลางก็ยังดี เนื่องจากศักดิ์ศรีทางการเมืองได้ตายไปนานแล้ว