“เฉลิม” แจก 15 S กลยุทธ์หาเสียงให้สื่อ พร้อมประกาศยุทธศาสตร์ 7 แผน 4 ปรับ 3 หลัก 6 เร่ง หวังชนะเลือกตั้ง
วันนี้ (2 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แจกเอกสาร “กลยุทธ์ที่นิยมใช้ในการหาเสียง” ให้สื่อมวลชน โดยมีสาระสำคัญว่า strength คือ จุดแข็งผู้สมัครรับเลือกตั้ง จุดแข็งของนโยบายพรรคการเมือง Star คือความเป็นดาราในดวงใจของประชาชนของผู้สมัครับเลือกตั้ง Sign คือกลยุทธ์การหาเสียงด้วยป้ายหาเสียงหรือใช้สัญลักษณ์ต่างๆ Slogan คือกลยุทธ์การสื่อสารด้วยคำขวัญ หรือคำพูดที่คล้องจองกระชับจดจำได้ง่าย Showsคือ กลยุทธ์การเดินหาเสียงแสดงตนให้ประชาชนพบปะตามสถานที่ต่างๆ
Sawasdee คือ แสดงการทักทายผู้คนด้วยการพนมมือแสดงการสวัสดี Speechคือกลยุทธ์การปราศรัยเป็นกลยุทธ์หาเสียงที่ใช้กันมานาน มีข้อจำกัดเรื่องความสามารถของบุคคล Seminar คือการสัมมนาของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือการสัมมนาของพรรคการเมือง Signature คือการให้ลายเซ็นของผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ประชาชนที่ชื่นชอบเก็บไปเป็นที่ระลึก SMS คือ การส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
Staffs คือ การใช้หัวคะแนน หรือการใช้ทีมงานในการหาเสียง Sympathy คือ การขอความเห็นอกเห็นใจ ขอโอกาสให้ตนเข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชนเป็นครั้งแรกในสภา Stays คือ ในรูปของการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้ระยะเวลาคลุกคลีกับชาวบ้าน Stickers คือ ใช้สติกเกอร์หาเสียง มักจะเชิญชวนให้เลือกพรรคของตนหรือระบุชื่อและหมายเลขของผู้สมัครรับเลือกตั้ง Strategy คือวางกลยุทธ์การหาเสียงในลักษณะที่ต้องการหาช่องทางที่จะบรรลุเป้าหมายทางการตลาด
สำหรับเป้าหมายเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไปที่ ร.ต.อ.เฉลิมได้ประกาศจะใช้ยุทธศาสตร์ “ 7 แผน 4 ปรับ 3 หลัก 6 เร่ง” มีรายละเอียดดังนี้ โดย 7 แผน คือ 1.แผนการสกัดกั้นอำนาจรัฐ เพื่อสอดส่องติดตามพฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐ คุกคาม ข่มขู่ ประชาชนและสกัดกั้นการใช้อำนาจรัฐโดยอาศัยองค์กรของพรรค สื่อสารมวลชน และองค์กรภาคเอกชน 2.แผนการสกัดกั้นอำนาจเงิน เพื่อสอดส่องติดตามพฤติกรรมการใช้อำนาจเงิน ในการทุจริตการเลือกตั้ง 3.แผนการสกัดกั้นอำนาจมืด เพื่อสอดส่องติดตามพฤติกรรมการใช้อิทธิพล อำนาจมืดคุกคาม ข่มขู่ประชาชนและสกัดกั้นการใช้อิทธิพลและอำนาจมืด 4.แผนการประชาสัมพันธ์ สำรวจ ศึกษาวัฒนธรรมและความต้องการแต่ละท้องถิ่นเพื่อประชาสัมพันธ์ในพื้นที่เลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการท้องถิ่น 5.แผนการจัดตั้งมวลชน สำรวจและประเมินความได้เปรียบเสียเปรียบในแต่ละพื้นที่อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ 6.แผนการหาเสียง นำข้อผิดพลาดและบทเรียนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาและข้อมูลจากการสำรวจและเมินพื้นที่มาใช้วางแผนการหาเสียง เพื่อให้การหาเสียงในพื้นที่เป็นไปอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ และ 7.แผนการบริหารจัดการ ปรับปรุงการบริหารจัดการภายในพรรค เพื่อให้สอดคล้องและปฎิบัติตามแผนทั้ง 6 ข้างต้นได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
และสิ่งที่สำคัญ 4 ปรับ คือ 1.ปรับวิธีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 2.ปรับวิธีการจัดตั้งมวลชน 3.ปรับวิธีการหาเสียงและ4.ปรับวิธีการบริหารจัดการ
ทั้งนี้จะต้องยึดมั่นใน 3 หลัก คือ 1.หลักการประชาธิปไตย ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน 2.หลักการเพื่อประชาชน สร้างนโยบายและทำงานเพื่อให้ประชาชนกินดี อยู่ดีและมีคความสุข สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ และ 3.หลักการของพรรค ยึดมั่นในนโยบายของพรรคซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง
นอกจากนี้ ต้องดำเนินการใน 6 เร่ง คือ 1.เร่งดำเนินการสร้างเครือข่ายร่วมองค์กรของพรรค สื่อสารมวลชนและองค์กรภาคเอกชน เพื่อสกัดกั้นอำนาจรัฐ อำนาจมืด และอำนาจเงิน 2.เร่งดำเนินการประสานงานกับทุกฝ่ายภายในพรรค เพื่อให้เกิดความเข้าใจในยุทธศาสตร์ที่ตรงกัน ปฎิบัติงานสอดคล้องและเกื้อหนุนกันอย่างเป็นระบบ 3.เร่งดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อจัดตั้งมวลชนในแต่ละพื้นที่ 4.เร่งดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในแต่ละพื้นที่ 5.เร่งดำเนินการสำรวจศึกษาวัฒนธรรมและความต้องการของแต่ละท้องถิ่นในภาวการณ์ปัจจุบัน จำแนกมวลชนชนในพื้นที่เพื่อจัดทำแผนปฎิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ 6.เร่งปลุกจิตสำนึกบุคลากรของพรรค ปรับทัศนคติในการปราศรัยหาเสียงและการลงพื้นที่หาเสียง ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ เพื่อให้การหาเสียงเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ