สภาถ่อย ส.ส.เพื่อแม้ว ด่า “ควาย” ลั่นห้องประชุมอภิปรายผลงานรัฐบาล หลัง ส.ส.ปชป.โวยประธานปล่อย “ไอ้ตู่” อภิปรายนอกประเด็น บี้ “มาร์ค” ถือสัญชาติอังกฤษ หวังใช้เป็นหลักฐานลากขึ้นศาลโลก “อภิสิทธิ์” รับ 2 สัญชาติ แม้อยากสละแต่ก็กลัวถูกกล่าวหาหนีคดี พร้อมเฉ่งกลับ “จตุพร” ไม่ได้ตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ด้าน “เชาวริน” เลอะหนัก กล่าวหาภาพประกอบรายงานไม่มีในหลวง เจอ นายกฯตอกกลับรัฐบาลจงรักภักดี เตือนอย่านำสถาบันมาแปดเปื้อนการเมือง
ที่รัฐสภา วันนี้ (24 ก.พ.) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ปีที่ 1 (วันที่ 30 ธ.ค. 2551 ถึงวันที่ 30 ธ.ค.2552 โดยเริ่มต้น ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดทำรูปแบบของรายงานดังกล่าว ว่า บางรูปภาพประกอบไม่ได้ปรากฏพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ภาพ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ารับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และ ภาพการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสม และไม่เชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการจัดทำรายงาน ชี้แจงว่า การทำรายงานฉบับนี้ประกอบไปด้วยบุคคลหลายฝ่าย และแจกจ่ายไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในเรื่องการใช้ภาพได้ระวังเรื่องการถูกวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นเครื่องมือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าย้อนไปดูรายงานลักษณะเดียวกันของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ได้ระวังในเรื่องการนำเสนอภาพพระบรมฉายาลักษณ์เช่นกัน ซึ่งไม่คิดว่า ร.ต.ท.เชาวริน จะนำเรื่องนี้มาอภิปรายโดยไม่จำเป็น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมืองหรือมากล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีความจงรักภักดี เพราะตอนนี้มีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มกำลังมีการเคลื่อนไหวเรื่องการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ ซึ่งเห็นว่า พวกเราทุกคนควรปกป้องและเทิดทูนไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่เหนือการเมือง
ขณะที่ นายชัย ได้ย้ำกับที่ประชุมให้ ส.ส.ได้ทราบว่า ห้ามอภิปรายพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็นอีกตามข้อบังคับการประชุมสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ เนื้อหาโดยสรุปของการอภิปรายของฝ่ายค้าน ได้กล่าวโจมตีว่ารัฐบาลมีผลงานล้มเหลวในทุกด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า รัฐบาลได้นำเสนอผลงานล่าช้า ไม่ทันกับสถานการณ์ เนื่องจากรายงานดังกล่าวสิ้นสุดเพียงปี 2552 ทั้งที่ตอนนี้เป็นปี 2554 แล้ว ทำให้ไม่เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา ในทุกๆ ด้าน ถือว่าล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องการเมือง เพราะรัฐบาลได้เข้าสลายการชุนนุมของประชาชนทั้งในปี 2552 และปี 2553 ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงอยากสอบถามว่ารัฐบาลได้ใช้งบประมาณในการดำเนินการดังกล่าวไปจำนวนเท่าไหร่
นายจตุพร กล่าวว่า ได้มีเว็บไซต์การ์เดียนไปเอาข้อความจากเว็บไซต์วิกิลีกส์ ซึ่งมีเนื้อหาการสนทนาระหว่าง นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี ไปพูดกับ นายอีริค จี จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มีถ้อยคำเข้าข่ายประทุษร้ายต่อองค์รัชทายาท ชนิดรับฟังไม่ได้ พวกตนก็ไปยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ทั้งๆ ที่อ้างว่าตัวเองเทิดทูนสถาบัน
นอกจากไม่ดำเนินคดีแล้ว ก็ไม่ทำเรื่องประท้วงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องแนวนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ หากมีแต่ตัวหนังสือพูดเอาสวยหรูไม่มีประโยชน์อะไร เพราะหากตัวท่านไม่เป็นแบบอย่างจัดการคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พวกท่านหมิ่นได้ เปรียบเทียบกรณี ดา ตอร์ปิโด กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ แต่ทำไม 3 คนนี้มากล่าวประทุษร้ายต่อองค์รัชทายาทได้ แล้วทำไมทำไม่รู้ไม่เห็น วอลเปเปอร์ไม่บอกท่านเลยหรืออย่างไร หรือว่าเห็นแล้วทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นพวกตัวเองโอละพ่อ เรื่องนี้เราเอามาใช้เป็นเกมทางการเมืองไม่ได้ พวกตนเจ็บปวดมาก่อน ถูกใส่ร้ายเกือบทุกวัน แต่พอคนของตัวเองทำความผิดบ้างกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมนายกฯ ไม่จัดการกับเว็บไซต์ดังกล่าว ไม่แสดงจุดยืนต่อประเทศสหรัฐฯ และทำไมไม่จัดการกับ 3 คนดังกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะเดียวกัน เรื่องสัญชาติของนายอภิสิทธิ์ ก็เป็นปัญหา เพราะคนเสื้อแดงต้องการให้นายกฯขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่ไม่มีช่องทางดำเนินการได้ เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้เป็นภาคีดังกล่าว ซึ่งตอนนี้หลักฐานว่านายกฯมีสองสัญชาติระหว่างไทยกับอังกฤษที่จะทำให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศได้ โดยในสูติบัตร ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.1964 หรือ พ.ศ.2507 ซึ่งอังกฤษถือว่าคนที่เกิดในอังกฤษก่อน พ.ศ.2526 มีสัญชาติอังกฤษและต้องมีสัญชาติอังกฤษไปตลอดชีวิต หาก นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าสละสัญชาติอังกฤษ มาถือสัญชาติไทยแล้ว ต้องเอาใบสละสัญชาติมาแสดง
“ถ้า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษ ก็ต้องนำใบสละสัญชาติมาแสดง นายอภิสิทธิ์ มีสัญชาติไทยได้ เพราะมีพ่อแม่เป็นคนไทย นายอภิสิทธิ์ มีสัญชาติอังกฤษได้ เพราะเกิดที่นิวคาสเซิล ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ เป็นคน 2 สัญชาติ” นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของนายจตุพร เรื่องสัญชาตินายกฯ ปรากฏว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี ได้ลุกขึ้นประท้วงให้ นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมให้นายจตุพรยุติการอภิปรายเรื่องดังกล่าว เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล โดยระหว่างนี้ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ตะโกนสวนกลับต่อว่านายประมวล ว่า “ควาย” อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความวุ่นวายได้ยุติลง และจากนั้นให้รัฐบาลชี้แจงการอภิปรายของนายจตุพร
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณในการใช้ควบคุมการชุมนุมที่ผ่านมา ทั้งหมดใช้ไปกับเบี้ยเลี้ยงของกำลังพลทั้งทหารและตำรวจ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่มาชุมนุมแต่ละครั้ง และไม่เคยใช้งบประมาณจ้างเจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชนคนไทยด้วยกัน ส่วนเรื่องสัญชาติยืนยันเป็นคนสัญชาติไทย แต่ยังไม่ได้สละสัญชาติอังกฤษเพราะการถือสัญชาติเป็นเพียงข้อกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยึดถือสัญชาติไทยมาโดยตลอด เห็นได้จากการเดินทางไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทางครอบครัวก็ออกค่าใช้จ่ายเอง รวมถึงการขอวีซ่าทุกครั้งที่เดินทางไปอังกฤษ นอกจากนี้ ได้สอบถามนักกฎหมาย และมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบว่าขัดกับกฎหมายหรือไม่ ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม พร้อมสละสัญชาติอังกฤษ แต่เกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าหนีคดีดังกล่าว
“การที่ท่านพยายามเดินหน้าในเรื่องนี้ เป็นเพราะต้องการนำคดีการสลายการชุมนุมทางการเมืองขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ ไม่ได้เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองอย่างแท้จริง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีเว็บไซต์วิกิลีกส์ ที่มีการสนทนาพาดพิงถึงสถาบัน ตนได้ส่งเรื่องให้ สตช.ไปดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่มีหน้าที่ไปบอกว่าคนนั้นผิด ต้องสั่งฟ้องคนนี้ไม่ใช่หน้าที่ตน แต่เมื่อมีการร้องขึ้นมาตน ก็ส่งข้อมูลให้หน่วยงานไปดำเนินการ เรื่องเว็บไซต์ต่างๆ ตนก็ได้ระมัดระวัง ถ้าเป็นลักษณะการละเมิดกฎหมายก็ให้ดำเนินการ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ กับสหรัฐฯ ก็มีการพูดกัน เพราะการแจ้งสหรัฐฯ กับการดำเนินการต่อนั้น เอกสารที่เว็บไซต์วิกิลีกส์เอาออกไปไม่ใช่เอกสารของไทย สหรัฐฯก็ไม่ยืนยัน แต่เราแจ้งไปว่าห่วงใย เพราะกระทบถึงประเทศไทย