“เทือก” ระบุการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้ถูกวิจารณ์ว่าลุแก่อำนาจ ทำเกินกว่าเหตุ ชี้ “มหาจำลอง” ฟ้อง “สมยศ” เป็นวิธีการต่อสู้โดยใช้สิทธิทางกฎหมาย เผยคดีพันธมิตรฯ ชุมนุมหน้าสนามบินช้าเพราะมีผู้ต้องหามาก ไม่เกี่ยวการเมืองแหยงไม่กล้าแตะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ได้รายงานว่า จะมีการดำเนินการที่จะนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนต่อไป ได้พูดกับ ผบ.ตร.แล้วว่าตนไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นวันนั้นเวลานี้ แต่โดยหลักการตนเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมายเลือกเวลาให้เหมาะก็แล้วกัน ทั้งนี้คงไม่ใช่ว่าตำรวจต้องมาขออนุมัติจากรัฐบาลก่อน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอหมายศาล ไปตามขั้นตอน เพียงแต่เขาไม่ต้องการให้เกิดความร้าวฉานหรือมีคนไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าลุแก่อำนาจ ทำเกินกว่าเหตุ จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง
ส่วนการ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 220 ล้านบาทกับ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้ายและบุกรุกยึดสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายสุเทพกล่าวว่า ก็เป็นวีธีการต่อสู้อย่างหนึ่งเมื่อประสงค์จะใช้สิทธิทางกฎหมายก็ให้ไปพิสูจน์กัน เมื่อถามว่า พล.ต.จำลองเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายปิดสนามบิน แต่ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา แต่กลับมาก่อเหตุชุมนุมประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ต้องแยกเป็นกรณีไป ความผิดเดิมที่ทำอยู่ทางตำรวจก็ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจได้นัดหมายที่จะนำตัวส่งฟ้องศาลอยู่แล้ว แต่เขาก็ไปเจรจาขอเลื่อนไปอีกไปถึงเดือนหน้าหรือเดือนหน้าโน้นแต่ทางตำรวจคงไม่ปล่อยไปนานขนาดนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ท.สมยศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีของพันธมิตรฯ โดยระบุว่าทาง สตช.ไม่ให้การสนับสนุนเพียงพอ แสดงว่าใน สตช.มีตอในคดีปิดสนามบินสุวรรณภูมิอยู่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนเพิ่งเห็นข่าวการลาออกเมื่อช่วงเช้า ซึ่งจะได้สอบถามไปทาง สตช.ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นและจะทำอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สมยศก็ไม่เคยมารายงานถึงปัญหาหรืออุปสรรคในการทำคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ
“ผมก็เห็นว่าเขาตั้งใจทำงานดี ซึ่งตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ของเขา และนี่คือปัญหาของตำรวจเวลาทำตามหน้าที่คนก็อาจจะไม่พอใจได้ ซึ่งคดีดังกล่าวก็มีการสอบสวนไปมากแล้วเกือบจะครบแล้ว และผู้ต้องหาก็รับทราบข้อกล่าวหาหมด มีอยู่ 6-7 คนเท่านั้นที่ไม่ยอมไปรับทราบและมีการจับกุมเพิ่มเติม ส่วนที่เหลือถ้าตำรวจพบเมื่อไหร่ก็ต้องจับกุมเพิ่มเติม”
ต่อข้อถามว่าคดีนี้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนมา 2 คนแล้ว เป็นเพราะอุปสรรคมันใหญ่กว่าเรื่องคดีแต่ เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องมันใหญ่เพราะมีคนที่เกี่ยวข้องมาก ผู้ต้องหาเป็นร้อยๆ ก็ต้องสอบสวนให้ดีเป็นธรรมดา ก็ต้องใช้เวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิเคราะห์กันบางส่วนว่าที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ยุติการชุมนุมเพราะหาทางลงไม่ได้ ทางรัฐบาลจะไปช่วยพูดคุยเพื่อหาทางออกให้พันธมิตรฯ หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคงไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างนั้นไม่ได้ แต่ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีประสงค์ที่จะเจรจา มีอะไรที่จะรับฟังก็ยินดี เมื่อถามว่าหากมีการขัดขืน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เลยหรือไม่ นายุสเทพกล่าวว่า เอาเป็นว่าเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง แต่จะให้ตนพูดล่วงหน้าไปก่อนไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นการไปท้าทาย เมื่อพ้นระยะเวลากำหนดออกหมายเรียกแล้ว ต่อไปก็จะเป็นหมายจับ ถ้ามีหมายจับแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่จับเจ้าหน้าที่ก็จะลำบากเขาก็จะมีความผิด เขาก็ต้องทำ