อนุ กมธ.ป้องกันการทุจริต วุฒิฯ ถกหลักเขต 46-47 สระน้ำยูเอ็น ม็อบคนไทยฯ ยันโดนจับยังไม่ล้ำหลักเขต กรมแผนที่ทหารอ้างเฉยไม่มีหลักฐานขุดสระน้ำเมื่อใด ชี้หลักเขตย้ายตามยุทธศาสตร์ กรมที่ดินยันที่ “เบ” แผ่นดินไทย แต่อ้าง น.ส.3 แค่ประมาณพื้นที่ แนะลงสำรวจ “ส.ว.ไพบูลย์” จัดให้!! เล็งชง กมธ.ลงสอบในพื้นที่
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่รัฐสภา ที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันทุจริต และตรวจสอบภาครัฐ ของวุฒิสภาที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้พิจารณาเกี่ยวกับปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา กรณีเกี่ยวกับหลักเขตที่ 46-47 ในประเด็นสระน้ำองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น อยู่ในเขตแดนไทยหรือไม่ และประเด็นที่เกี่ยวกับการจัดตั้งค่ายผู้อพยพบ้านหนองจาน โดยเชิญนายมงคล อินทรสุวรรณ รองอธิบดีกรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหาร รวมทั้งแนวร่วมกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ อาทิ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมาธิการฯ
โดย นายโชคพิสิษฐ์ วรพัฒน์ธนาชัย ตัวแทนกลุ่มประชาชนหัวใจรักชาติ ที่เคยถูกทหารกัมพูชาจับกุม ชี้แจงว่า ได้เดินล้ำเข้าไปในแนวรั้วลวดหนาม 100 เมตร ยังไม่ถึงเส้นปฏิบัติการที่นายกรัฐมนตรีระบุ ก็ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัว ส่วน 7 คนไทยแม้อยู่ในแนวเส้นปฏิบัติการ แต่ก็ยังไม่ล้ำหลักเขตที่ 46-47 เพราะยังเข้าไปไม่ถึงสระน้ำของสหประชาชาติในศูนย์ผู้อพยพค่ายหนองจานว่าซึ่งเป็นดินแดนไทย โดยอ้างหลักฐานการครอบครองพื้นที่ของนายหมา อันสมศรี เป็น ส.ค.1 เลขที่ 83 ในที่ดินดังกล่าว
ขณะที่ พ.อ.ไชยฐ์ไชย์ วงษ์ระนอง และพ.อ.สาคาร บุญภักดิ์ ตัวแทนจากกรมแผนที่ทหาร ชี้แจงว่า สระน้ำยูเอ็นแม้จะเป็นสระที่ขุดขึ้นแต่ยังไม่มีหลักฐานว่าขุดขึ้นมาเมื่อไหร่ ส่วนหลักเขตแดนที่มีการเคลื่อนย้ายเพราะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ได้เปรียบการทหารของทั้ง 2 ฝ่าย
ด้าน นายมงคลกล่าวยืนยันว่า ได้ยึดแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 5 หมื่นของไทย อย่างที่ดินของนายเบ พูนสุข ที่มีเอกสาร น.ส.3 ครอบครองนั้นคือ แผ่นดินไทย เพราะแม้จะมีการเคลื่อนย้ายหลักเขตหลังการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศ ในหลักเขตที่ 47 เจ้าหน้าที่กรมที่ดินก็จะรังวัดที่ดินโดยชิดแนวกับประเทศกัมพูชาเข้ามาในดินแดนไทย เช่นเดียวกับกรณีที่ดินของนายบุญจันทร์ เกษธาตุ ที่มีเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 103 ครอบครองที่ 24 ไร่ พร้อมชี้แจงว่า เอกสาร น.ส.3 เป็นการประมาณการเพื่อแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าครอบครองที่ดินจำนวนกี่ไร่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปรังวัดในพื้นที่ได้เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย แต่สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าเป็นแผ่นดินไทย ทั้งนี้ เห็นว่าหากอนุกรรมาธิการต้องการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยต้องแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพภาคที่ 1 และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จึงจะเข้ารังวัดในพื้นที่ได้ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย
ด้าน นายไพบูลย์ยอมรับว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบในเขตปฏิบัติการทำได้ยาก แต่เบื้องต้นจะขอความร่วมมือจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลเพื่อให้สามารถประเมินการรังวัดไม่คลาดเคลื่อนมากนัก และทางอนุกรรมาธิการฯจะเสนอไปยังคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาลของวุฒิสภา เพื่อขอเป็นมติให้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่นี้
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่รัฐสภา ที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันทุจริต และตรวจสอบภาครัฐ ของวุฒิสภาที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้พิจารณาเกี่ยวกับปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา กรณีเกี่ยวกับหลักเขตที่ 46-47 ในประเด็นสระน้ำองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น อยู่ในเขตแดนไทยหรือไม่ และประเด็นที่เกี่ยวกับการจัดตั้งค่ายผู้อพยพบ้านหนองจาน โดยเชิญนายมงคล อินทรสุวรรณ รองอธิบดีกรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหาร รวมทั้งแนวร่วมกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ อาทิ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมาธิการฯ
โดย นายโชคพิสิษฐ์ วรพัฒน์ธนาชัย ตัวแทนกลุ่มประชาชนหัวใจรักชาติ ที่เคยถูกทหารกัมพูชาจับกุม ชี้แจงว่า ได้เดินล้ำเข้าไปในแนวรั้วลวดหนาม 100 เมตร ยังไม่ถึงเส้นปฏิบัติการที่นายกรัฐมนตรีระบุ ก็ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัว ส่วน 7 คนไทยแม้อยู่ในแนวเส้นปฏิบัติการ แต่ก็ยังไม่ล้ำหลักเขตที่ 46-47 เพราะยังเข้าไปไม่ถึงสระน้ำของสหประชาชาติในศูนย์ผู้อพยพค่ายหนองจานว่าซึ่งเป็นดินแดนไทย โดยอ้างหลักฐานการครอบครองพื้นที่ของนายหมา อันสมศรี เป็น ส.ค.1 เลขที่ 83 ในที่ดินดังกล่าว
ขณะที่ พ.อ.ไชยฐ์ไชย์ วงษ์ระนอง และพ.อ.สาคาร บุญภักดิ์ ตัวแทนจากกรมแผนที่ทหาร ชี้แจงว่า สระน้ำยูเอ็นแม้จะเป็นสระที่ขุดขึ้นแต่ยังไม่มีหลักฐานว่าขุดขึ้นมาเมื่อไหร่ ส่วนหลักเขตแดนที่มีการเคลื่อนย้ายเพราะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ได้เปรียบการทหารของทั้ง 2 ฝ่าย
ด้าน นายมงคลกล่าวยืนยันว่า ได้ยึดแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 5 หมื่นของไทย อย่างที่ดินของนายเบ พูนสุข ที่มีเอกสาร น.ส.3 ครอบครองนั้นคือ แผ่นดินไทย เพราะแม้จะมีการเคลื่อนย้ายหลักเขตหลังการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศ ในหลักเขตที่ 47 เจ้าหน้าที่กรมที่ดินก็จะรังวัดที่ดินโดยชิดแนวกับประเทศกัมพูชาเข้ามาในดินแดนไทย เช่นเดียวกับกรณีที่ดินของนายบุญจันทร์ เกษธาตุ ที่มีเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 103 ครอบครองที่ 24 ไร่ พร้อมชี้แจงว่า เอกสาร น.ส.3 เป็นการประมาณการเพื่อแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าครอบครองที่ดินจำนวนกี่ไร่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปรังวัดในพื้นที่ได้เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย แต่สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าเป็นแผ่นดินไทย ทั้งนี้ เห็นว่าหากอนุกรรมาธิการต้องการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยต้องแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพภาคที่ 1 และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จึงจะเข้ารังวัดในพื้นที่ได้ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย
ด้าน นายไพบูลย์ยอมรับว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบในเขตปฏิบัติการทำได้ยาก แต่เบื้องต้นจะขอความร่วมมือจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลเพื่อให้สามารถประเมินการรังวัดไม่คลาดเคลื่อนมากนัก และทางอนุกรรมาธิการฯจะเสนอไปยังคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาลของวุฒิสภา เพื่อขอเป็นมติให้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่นี้
