ชาวบ้านโนนหมากมุ่น หมดหวังขอความช่วยเหลือรัฐบาล เปลี่ยนร้อง กสม.ให้เร่งช่วยเหลือการเข้าไปมีสิทธิทำกินในเขตหลัก กม.46-48 ยันมีเอกสารสิทธิเป็นที่ดินของคนไทย ด้าน กก.สิทธิฯ ชี้ ท่าทีของรัฐบาลเหมือนเกรงใจฝ่ายเขมร เพราะไม่เห็นดำเนินการที่เป็นชิ้นเป็นอัน
วันนี้ (25 ม.ค.) นายธิติพัทธ์ เสมาทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่หนองไทร จ.สระแก้ว พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวน 20 คน ได้เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผ่าน นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิฯ ขอให้ช่วยเหลือให้สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินที่เป็นข้อพิพาทระหว่างชายไทย-กัมพูชา โดยกล่าวว่า ตนและชาวบ้านทั้งหมด ถือเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ส.ค.2 ในที่ดินบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 46-47-48 ที่ได้รับตกทอดจากบรรพบุรษมาตั้งแต่ปี 2498 รวมพื้นที่ทั้งหมดราว 300-400 ไร่ แต่กลับไม่สามารถเข้าไปทำกินได้เนื่องจากถูกรัฐบาลและชาวกัมพูชา ยึดพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2518 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการล้อมรั้วลวดหนาม ทั้งที่ตลอดเวลา 30 ปี ตนและชาวบ้านต่างก็เสียภาษีที่นามาโดยตลอด และเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.สระแก้ว ประกาศว่า ให้ชาวบ้านที่ถือครองเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ส.ค.2 มายื่นเอกสารสิทธิเพื่อที่ราชการจะออกโฉนดให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงพื้นที่จะไปรังวัดให้กับชาวบ้าน แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถเข้าไปรังวัดพื้นที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากว่าทางการเขมรไม่ยินยอมให้เข้าไป จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรรมการสิทธิฯเข้าไปช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้ได้พื้นที่ทำกิน เพราะปัจจุบันต้องไปเช่าที่ทำกินอย่างยากลำบาก
ด้าน นายปริญญา กล่าวว่า จะรับเรื่องไปตรวจสอบ แต่เรื่องดังกล่าวมีความเปราะบาง อ่อนไหว และไม่รู้ว่ารัฐบาลจะกล้าดำเนินการหรือไม่ แต่ท่าทีของรัฐบาลเหมือนเกรงใจฝ่ายกัมพูชา เพราะถ้ามีปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นรัฐบาลก็น่าจะประท้วงหรือทำอะไรสักอย่าง แต่ท่าทีที่ออกมาหน่อมแน้มเหมือนมีอะไรซ่อนเร้น
“อย่างนายกรัฐมนตรีที่ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ผมฟังแล้วก็ไม่รู้ว่านายกฯต้องการจะบอกอะไรกับคนไทย รู้สึกว่าไม่ออกยังจะดีกว่า เพราะออกทีวีแล้วมันเหมือนกับจะยิ่งทำให้ 2 คนไทยที่ยังถูกควบคุมอยู่ที่กัมพูชาพบกับความอันตรายเข้าไปอีก” นายปริญญา กล่าว
วันนี้ (25 ม.ค.) นายธิติพัทธ์ เสมาทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่หนองไทร จ.สระแก้ว พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวน 20 คน ได้เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผ่าน นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิฯ ขอให้ช่วยเหลือให้สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินที่เป็นข้อพิพาทระหว่างชายไทย-กัมพูชา โดยกล่าวว่า ตนและชาวบ้านทั้งหมด ถือเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ส.ค.2 ในที่ดินบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 46-47-48 ที่ได้รับตกทอดจากบรรพบุรษมาตั้งแต่ปี 2498 รวมพื้นที่ทั้งหมดราว 300-400 ไร่ แต่กลับไม่สามารถเข้าไปทำกินได้เนื่องจากถูกรัฐบาลและชาวกัมพูชา ยึดพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2518 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการล้อมรั้วลวดหนาม ทั้งที่ตลอดเวลา 30 ปี ตนและชาวบ้านต่างก็เสียภาษีที่นามาโดยตลอด และเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.สระแก้ว ประกาศว่า ให้ชาวบ้านที่ถือครองเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ส.ค.2 มายื่นเอกสารสิทธิเพื่อที่ราชการจะออกโฉนดให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงพื้นที่จะไปรังวัดให้กับชาวบ้าน แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถเข้าไปรังวัดพื้นที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากว่าทางการเขมรไม่ยินยอมให้เข้าไป จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรรมการสิทธิฯเข้าไปช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้ได้พื้นที่ทำกิน เพราะปัจจุบันต้องไปเช่าที่ทำกินอย่างยากลำบาก
ด้าน นายปริญญา กล่าวว่า จะรับเรื่องไปตรวจสอบ แต่เรื่องดังกล่าวมีความเปราะบาง อ่อนไหว และไม่รู้ว่ารัฐบาลจะกล้าดำเนินการหรือไม่ แต่ท่าทีของรัฐบาลเหมือนเกรงใจฝ่ายกัมพูชา เพราะถ้ามีปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นรัฐบาลก็น่าจะประท้วงหรือทำอะไรสักอย่าง แต่ท่าทีที่ออกมาหน่อมแน้มเหมือนมีอะไรซ่อนเร้น
“อย่างนายกรัฐมนตรีที่ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ผมฟังแล้วก็ไม่รู้ว่านายกฯต้องการจะบอกอะไรกับคนไทย รู้สึกว่าไม่ออกยังจะดีกว่า เพราะออกทีวีแล้วมันเหมือนกับจะยิ่งทำให้ 2 คนไทยที่ยังถูกควบคุมอยู่ที่กัมพูชาพบกับความอันตรายเข้าไปอีก” นายปริญญา กล่าว