ที่ประชุมรัฐสภามีมติ 397 ต่อ 19 ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วาระ 3 ขณะที่ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ อ้างประธานรัฐสภาไม่ฟังข้อขัดค้านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ถูกต้อง
การประชุมรัฐสภา วันนี้ (11 ก.พ.) เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.15 น.เพื่อทำการลงคะแนนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... (มาตรา 93-98) และร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ....(มาตรา 190) โดยก่อนเริ่มการลงคะแนน นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานในที่ประชุมได้ แจ้งต่อสมาชิกว่า นายอิทธิพล เหลืองบริบูรณ์ ส.ว.สรรหา ได้ยื่นหนังสือลาออกตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ดังนั้นขณะนี้จึงมี ส.ว.ทั้งหมด 149 คน
ทั้งนี้ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ท้วงติงถึงญัตติที่เคยเสนอให้ตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับว่าไม่มีการระบุมาตราที่มีการแก้ไขไว้ในหลักการถือเป็นการไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ที่ 86 วรรคสาม ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านและ ส.ว.บางส่วนได้อภิปรายสนับสนุน โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ระบุไม่ควรบีบให้สมาชิกยอมจำนนยอมรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งที่รู้อยู่ว่าไม่ถูกต้องตามหลักการ
ในที่สุดนายชัยได้ใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 117 ขอให้ที่ประชุมวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขทั้ง 2 ฉบับขัดต่อหลักการหรือไม่ ปรากฏว่าสมาชิกจำนวน 302 เสียงต่อ 230 เสียงไม่เห็นกับญัตติของนายประยุทธ โดยมีผู้งดออกเสียง 51 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง แต่นายสุรชัยได้ท้วงติงว่าเสียงไม่เห็นด้วยกับญัตติไม่เกินกึ่งหนึ่งถือว่าไม่ผ่าน แต่นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปรัฐบาลจากพรรคประชาธิปัตย์ค้านว่า ต้องยึดผลการลงญัตติของนายประยุทธเป็นหลัก เมื่อนายประยุทธ์ได้ 230 เสียง ถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้นายชัยสรุปว่าญัตติของนายประยุทธตกไปแล้ว
ทั้งนี้ นายสุรชัยยังคงยืนยันว่าไม่ถูกต้อง หากยึดตามข้อบังคับที่ 117 จะต้องได้เสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ตนอยากให้รัฐธรรมนูญผ่านไปสง่างาม อย่าผ่านไปอย่างทุลักทุเล และไม่อยากให้ถึงศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอเสนอให้มีการนับใหม่
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีการอภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง จนทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด จนในที่สุดนายชัยได้สั่งพักการประชุม 5 นาทีเพื่อหารือหาทางออก
หลังพักการประชุมแล้วได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง นายชัยได้กล่าวสรุปว่าข้อหารือของนายประยุทธนั้นตกไปแล้วจะไม่มีการวินิจฉัยอีก ส่วนกระบวนการที่เกิดขึ้นหากมีปัญหาก็สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ซึ่งตนถือว่าไม่ขัดต่อหลักการกฏหมายตั้งแต่ต้นเพราะกระบวนการผ่านวาระ2 มาแล้ว หากจะมีปัญหาอะไรตนขอรับผิดชอบเอง
ขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนได้พยายามทักท้วงและตำหนิการทำหน้าที่ของนายชัย ที่ไม่ฟังสมาชิก และไม่สามารถรับผิดชอบคนเดียวได้เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่จำต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯ ยังคงยืนยันว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ถูกต้อง และเสนอทางออกให้นายชัยตีความว่าขัดข้อบังคับแต่ไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ
ทำให้นายชัยอ่านข้อความบันทึกคำวินิจฉัยของนายประสพสุข ที่เคยวินิจฉัยชี้ขาดในช่วงพิจารณาวาระ 2 ว่าไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย ซึ่งตนเชื่อผู้พิพากษามากกว่าเชื่อนายทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายยืดเยื้อร่วม 2 ชั่วโมง จนเมื่อเวลา 12.17 น. นายชัยได้ตัดบทไม่ให้มีการอภิปรายต่อไป เพื่อดำเนินการให้สมาชิกลงมติในวาระ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190
ขณะที่ฝ่ายค้านพากันแสดงความไม่พอใจ โดยนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายไม่เห็นด้วยที่ประธานไม่ทบทวนต่อญัตติของนายประยุทธ และการอ้างนำคำวินิจฉัยของนายประสพสุขมาชี้แจงจึงไม่ขอร่วมลงคะแนนในครั้งนี้ จากนั้นก็ได้นำสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินออกจากห้องประชุมไป
จากนั้นที่ประชุมได้ดำเนินการลงคะแนนอย่างเปิดเผย โดยให้มีการขานชื่อสมาชิกเรียงตามอักษร หลังจากนั้น นายประสพสุข บุญเดช ในฐานะรองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ประกาศผลการลงคะแนน 397 เสียง ต่อ 19 เสียง เห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 190 โดยมีสมาชิกงดออกเสียง 10 เสียง โดยไม่มีผู้ไม่ลงคะแนน
สำหรับขั้นต่อไปจะมีการนำร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการแก้ไขและความเห็นขอบจากรัฐสภาแล้วนายกรัฐมนตรีจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับร่างแก้ไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 150 ต่อไป
ทั้งนี้ ร่างแก้ไขมาตรานี้มีสาระสำคัญ คือ หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญา หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออก พ.ร.บ.เพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาให้แล้วเสร็จภายใน60วันนับแต่วันที่ได้รับ เรื่องดังกล่าว และให้มีการออกกฎหมายลูกภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา