“ประพันธ์” ซัด รบ.บริหารประเทศล้มเหลวทั้งในและนอกประเทศ สอนมวย “มาร์ค” เป็นผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถและมีทีมงานที่ปรึกษาที่เข้มแข็ง ถามพฤติกรรมหิ้ว “ศิริโชค” เป็นเงาตามตัวจนคนคิดว่าเป็นนายกฯ อีกคน ทั้งที่ฐานะส่วนตัวเขามีหนี้สินนับร้อยล้าน มารดาเป็นบุคคลล้มละลาย แล้วจะให้ประชาชนไว้วางใจได้อย่างไร มีประโยชน์อื่นใดแฝงหรือไม่ ตอบประชาชนด้วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันที่ 10 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า เห็นหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแล้วกินข้าวไม่ลง เห็นหน้าจากทีวีแล้วอยากถีบทีวีให้มันพังลงต่อหน้า หากคนคนนี้เรียกให้ตนไปเจรจา พี่น้องพันธมิตรฯ กรุณาอย่าเอาตนไปคุยด้วย ไม่อย่างนั้นจะอดใจไม่ไหวถอดรองเท้าตบหน้ามัน วันนี้หากใครได้อ่านบทสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ ถ้าไม่โกรธจนตัวสั่น คิดว่าความรักชาติของคุณคงตายด้านแน่นอน ใครจะคิดว่าคนที่เคยทำตัวอธิปไตยจ๋า จะเป็นแค่ภาพมายา เหมือนกับที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พูดไว้ว่า ไม่ฉลาด ขี้ขลาด และยังตอแหล ถ้า พล.ต.จำลองยังทนไม่ได้ ตนเชื่อว่าคนไทยทั้งชาติก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
เศร้าใจเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จากสำนักราชวัง ผู้แทนพระองค์ เดินทางไม่มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชนตามชายแดนเหตุปะทะเขมร ทั้งที่ก่อนหน้าเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เขมรหนีภัยสงครามมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย แต่วันนี้รัฐบาลทำไม่ต้องให้คนไทยนับหมื่นต้องอพยพหนีเขมรกระจอก ถ้าเรามีผู้นำประเทศที่ไม่โง่เขลา ขี้ขลาด ประชาชนคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
นายประพันธ์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ยังไม่รู้สำนึก ล้มเหลวในการปกป้องบ้านเมือง แก้ไปปัญหาในประเทศก็ล้มเหลว ไม่มีอะไรที่จะทำให้ประชาชนชื่นชมได้เลย ตอนนี้ก็ยังกอดนายศิริโชค โสภา อย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะสัมภาษณ์ที่ไหนก็ยังแกะหน้านายศิริโชคออกไม่ได้ คนที่จะเป็นนายกฯ ที่ดีเขาต้องมีประสบการณ์ความสามารถ และมีทีมงานที่ปรึกษาที่เข้มแข็ง เพราะไม่มีผู้นำที่ไหนจะเก่งทุกเรื่อง ที่สำคัญตำแหน่งประมุขของรัฐบาลอย่างนายกรัฐมนตรี การที่จะมีใครมาอยู่รอบข้างต้องสำรวจตรวจสอบ เพราะคนทีมาอยู่ใกล้ชิดอาจใช้บารมีของนายกฯ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ สร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองได้
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า การที่นายอภิสิทธิ์เลือกนายศิริโชคเปรียบเป็นนายกฯ เงานั้น นายศิริโชค ก่อนเป็น ส.ส.ประกอบธุรกิจการค้ามูลค่านับร้อยล้าน ซึ่งกิจกรรมของนายศิริโชคเกือบทั้งหมดถือหุ้นร่วมกับมารดา (นางเสาวรส โสภา) พร้อมเครือญาติ เมื่อนายศิริโชคเข้ามาเป็นส.ส. ได้ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ว่ามีเงินฝากธนาคาร 1 ล้านบาทเศษ ที่ดินมูลค่า 3 แสนบาท ในการนี้แจ้งว่ามีหนี้สิน 119.2 ล้านบาท หักลบแล้วเป็นหนี้ 117.8 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 มารดาของนายศิริโชคถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ตนไม่ทราบได้ว่าศิริโชค และมารดา จะหาเงินมาจากทางใดเพื่อมาชำระหนี้ให้พ้นจากสภาพบุคคลล้มละลาย นายศิริโชคเกาะนายอภิสิทธิ์เป็นเงาตามตัวนั้นหวังผลประโยชน์อื่นใดหรือไม่ หรือว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนที่ปรารถนาดีต่อนายศิริโชค เห็นว่ามีหนี้สินก็เลยเห็นอกเห็นใจเผื่อมีโอกาสจะได้ช่วยให้พ้นจากการล้มละลาย
ทั้งนี้ พฤติกรรมของนายอภิสิทธิ์ที่ใช้นายศิริโชคทำภารกิจต่างๆ จนคนคิดว่านายศิริโชคเป็นนายกฯ อีกคนไปแล้วนั้น พฤติกรรมนายศิริโชคบางครั้งก็ไปอ้างกับข้าราชการว่าเป็นคำสั่งนายกฯ จนข้าราชการเขาสะอิดสะเอียนคุณสองคนอย่างมาก แม่แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์เขาก็ไม่เอาคุณสองคนแล้ว คุณยังหน้าด้านอยู่อีกหรือ
“ถามหาสำนึกทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ที่บอกว่าต้องมีและสูงกว่าประชาชน แล้วพฤติกรรมหิ้วนายศิริโชคติดตัวตลอด ทั้งที่ฐานะส่วนตัวมีหนี้สิน มารดาเป็นบุคคลล้มละลาย ให้เขามีความรับผิดชอบทำงานร่วมกับคุณไปอีกนานเท่าไหร่ แล้วจะให้ประชาชนไว้วางใจได้อย่างไร”
นายประพันธ์กล่าวทิ้งท้ายว่า เราต่อสู้ผ่านมาหลายวันแล้ว เมื่อได้เห็นจิตใจที่กล้าหาญต่อสู้ของพี่น้องประชาชน พลังของพี่น้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเหนื่อยก็หายไป ขอให้เชื่อว่าสิ่งที่เราทำถูกต้อง ไม่เคยคิดร้ายต่อบ้านเมือง สุดท้ายตนอยากถามนายอภิสิทธิ์ว่า ที่เกลียดตนเพราะไม่มีทรัพย์เป็นร้อยล้านแบบนายศิริโชค ไม่มีแม่ที่เป็นคนล้มละลายใช่ไหม คุณสองคนกำลังทำอะไร ช่วยตอบให้พี่น้องประชาชนทราบหน่อย