xs
xsm
sm
md
lg

ฝากให้“อชิรวิทย์”ตรวจสอบด้วยใครตั้งนางพยาบาลเป็นตำรวจตม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อ่านข่าว พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีต รอง ผบ.ตร. ว่าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกมาเรียกร้องให้ตำรวจเป็นขบถออกอาการพยศกับนักการเมือง ไม่ยอมรับตั๋วฝากเพราะทำให้การพิจารณาโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้กำกับ-สารวัตรประจำปี 2553 ไม่เป็นธรรมแล้ว น้ำตาแทบเล็ด เพราะความซาบซึ้งกินใจ

แต่บังเอิญว่าในช่วงชีวิตทันได้เห็นทันการเติบโตของ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าเส้นทางเป็นอย่างไร ก็เลยทำให้น้ำตาแห่งความซาบซึ้งมิอาจหลั่งไหลออกมา มีแต่ความกระอักกระอ่วนใจและงุนงง

ว่าคนอย่าง พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ซึ่งเกาะเกี่ยวกับอำนาจเพื่อตำแหน่งหน้าที่มาโดยตลอด จะเอาประวัติความดีงามของตัวเองส่วนไหนไปเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นได้ประพฤติ ปฏิบัติ

ไม่ต้องย้อนไปไกลเอา แค่ช่วงที่ท่านใกล้เกษียณอายุราชการ ตอนนั้นเป็นที่รู้กันในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าชีวิตในแวดวงสีกากีของคนชื่อ อชิรวิทย์ คงจะแช่แป้งอยู่ที่ยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ด้วยความทะยานอยากใฝ่ฝันที่จะขึ้นชั้นเป็น พล.ต.อ.ก็พร้อมที่จะสละชีวิตตำรวจที่อ้างว่ารักหนักหนาเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด

แลกกับการได้รับสิทธิในการเป็น พล.ต.อ.

เท่ากับว่า แท้จริงแล้ว ท่านรักยศฐาบรรดาศักดิ์ที่จะได้เป็น พล.ต.อ.มากกว่าการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ใช่หรือไม่?


แต่ความพยายามในครั้งนั้นก็ได้ผลดีเกินคาด เพราะนอกจากไม่ต้องเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดเพื่อขึ้นชั้นเป็นพล.ต.อ.แล้ว ยังได้เลื่อนขั้นเป็น พล.ต.อ.ในตำแหน่งรอง ผบ.ตร.อีกด้วย

โดยมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ในขณะนั้น จัดให้แบบหนัก ๆ เพราะเป็นลูกน้องคนสนิทที่ช่วยประสานงานด้านสื่อมวลชนอันเป็นงานถนัดปากของ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ซึ่งมักจะใช้โวหารสร้างภาพว่าเป็นคนดีมีศีล มีสัตย์ รักศักดิ์ศรี แต่แท้จริงแล้วจะเป็นประเภทปากอย่างใจอย่างหรือไม่ ความจริงไม่มีใครยืนยันได้

แต่ก็มีเรื่องที่ได้ขุดคุ้ยมาให้พิจารณา และขอให้อชิรวิทย์ช่วยตรวจสอบเรื่องบัดซบเรื่องนี้ย้อนหลังด้วย

เคยมีเรื่องฮือฮาวงการสีกากีถึงนางพยาบาลในโรงพยาบาลตำรวจคนหนึ่ง ได้ดิบได้ดีโยกย้ายไปอยู่ที่ สตม.ในตำแหน่งที่ตำรวจจำนวนมากใฝ่ฝัน เพราะเป็นพื้นที่เกรดเอที่เรียกว่าใครได้ไปอยู่ก็อิ่มหมีพีมัน นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าการย้ายเอาคนที่เป็นนางพยาบาลไปทำงานตรวจคนเข้าเมือง มันเป็นธรรมและถูกต้องเหมาะสมกับงานหรือไม่ เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร

ถ้านางพยาบาทหน้าตาคมขำคนนั้น จะไม่ได้เป็นภรรยาคนที่สามของใครบางคน ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเหนียวแน่นอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ตรงนี้ตลอด

คำถามถึง พล.ต.อ.อชิรวิทย์ คือ การโยกย้ายพิสดารที่ไม่เคยมีใครเขาเอานางพยาบาลไปเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนี้เกิดขึ้นในยุคที่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ฝีปากกล้าอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั่นแหละ แต่เคยออกมาแอะให้สังคมเขาได้รับรู้ถึงความฟอนเฟะ ที่มีเหตุการณ์ผลักดันคนร่วมเตียงให้ไปเป็นตำรวจ ตม.ทั้งที่ดีกรีเป็นนางพยาบาลหรือไม่?

ที่กล่าวข้างต้นเป็นแค่เพียงน้ำจิ้ม เอาล่าสุดกับปัญหาการโยกย้ายที่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ออกมาแสดงตนเป็นพระเอกยอมรับไม่ได้กับตั๋วฝากนักการเมือง ซึ่งต้องตั้งคำถามกลับไปว่า ยอมรับไม่ได้กับตั๋วฝากการเมืองแต่ยอมรับได้ถ้าเป็นตั๋วฝากของตัวเองใช่หรือไม่

เพราะเขาพูดกันให้แซ่ด สตม.ว่า อดีต พล.ต.อ.คนหนึ่ง ที่ปากว่าตรงนักตรงหนาให้มีการโยกย้ายอย่างเป็นธรรม ได้โทรศัพท์สายตรงไปหา พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผู้บัญชาการ สตม. โวยวายที่อดีตลูกน้องของตัวเอง จะถูกเตะออกจากหน่วยด้วยข้อหาทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้นายเก่าอย่าง พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ออกโรงเองข่มขู่เอาเรื่องจน พล.ต.ท.วิบูลย์ ยอมให้ลูกน้องของ พล.ต.อคนนั้นอยู่ใน สตม.ต่อไป ไม่ต้องออกนอกหน่วย แต่ส่งไปอยู่กองกำกับฯ ที่ต้องทำงานหนักขึ้นและมีผลประโยชน์น้อยลงแทน

เรื่องนี้ พล.ต.อ.อชิรวิทย์รู้หรือไม่ ?

อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้เพื่อผดุงความยุติธรรมให้ สตช.และเป็นที่พึ่งของตำรวจให้ได้ โดยหลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่ในฐานะ กตร. เต็มรูปแบบ ต้องนำเรื่องที่อ้างว่าได้รับการร้องเรียนเข้าสู่ที่ประชุม กตร. เพื่อดำเนินการอย่างจริงจังกับคนที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เล่นงานทางกฎหมายเสียให้เข็ดกับพวกตั๋วฝากการเมืองที่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์รังเกียจนักหนา และถ้าจะให้ดีช่วยตอบคำถามด้วยว่า

มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศไหน เขาเอานางพยาบาลไปเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบ้างไหม อยากรู้จริง ๆ

กำลังโหลดความคิดเห็น