“พล.อ.อ.เทิดศักดิ์” โวยไม่เคยมียุคใดเรื่องระหว่างประเทศจะถูกดูแคลนเท่ายุคอภิสิทธิ์ บอกนายกฯ ต้องทำอย่าดีแต่พูดเพราะพูดแล้วไทยเสียดินแดน เตือน “มาร์ค-เทือก” คิดกำจัด พธม.ก็อย่าลืมเตรียมแพกเงินใส่กระเป๋าแล้วคิดไว้ด้วยว่าจะไปอยู่ประเทศไหน พร้อมซัด “ฮุนเซน” พวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การเสวนา “ราชอาณาจักรไทย...กำลังจะเสียดินแดน”
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า เขมรคิดผิดแล้วว่าทหารไทยจะงอมืองอเท้า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา วันนี้เราให้เกียรติน้องๆ ทหารไทย เราให้เกียรติรัฐบาล ตอนนี้เราเรียกร้องให้รัฐบาลทำ 3 ข้อ ท่านอย่าดีแต่พูดต้องลงมือทำเขมรถึงจะหุบปาก ตนคิดว่าถึงเวลาที่ต้องพูดกับน้องๆ และรัฐบาล อยากแสดงความรู้สึกของพ่อแม่พี่น้องโดยเฉพาะทหารแก่ๆ อย่างตนว่า รู้สึกอย่างไรที่ไทยกำลังเสียดินแดน รับว่ายังไม่สบายใจต่อการแสดงออกของท่าน ที่ท่านผู้บัญชาการทหารบกมั่นใจว่า “ทหารต้องอยู่อยางมีเกียรติและศักดิ์ศรี” ต้องขออภัยที่ตนต้องขอพูดว่า ยังไม่เชื่อท่านจนกว่าท่านได้แสดงออกให้กัมพูชายุติการกระทำที่ก้าวร้าวนี้ ทหารเราในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ได้สูญเสียความมีศักดิศรีและความมีเกียรติยศโดยทหารเลวบางคน อย่างกรณียึดพื้นที่คืนที่สถานีโทรคมนาคมที่ปากเกร็ด ทหารเดินออกมามือเปล่าเหมือนโดนถูกปลดอาวุธแล้วอาวุธมันก็เอาไป ที่สี่แยกคอกวัวก็เช่นเดียวกัน ท่านคิดและทำได้อย่างไร เราไม่โทษทหารชั้นผู้น้อย เพราะนายสั่งให้ไปสู้มือเปล่าให้มัดมือไปสู้กับเขา เขาก็ต้องไปเพราะเขาเป็นผู้มีวินัย แต่คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาท่านต้องรับผิดชอบ วันนี้ไม่ใช่เป็นกรณีคนไทยที่สวมเสื้ออะไรก็แล้ว แต่มันเป็นทหารกัมพูชาที่ก้าวร้าว กล้าข่มขู่ว่าท่านไม่ทำอะไรดีแต่พูดเท่านั้น แล้วจะให้ตนที่เป็นทหารเก่าเชื่อมั่นได้อย่างไร เราไม่ได้คลั่งชาติแต่เรารู้ว่ามีหน้าที่ป้องกันชาติ วันนี้ตนจึงมาบอกน้องๆว่าอย่าพูดเลย ถึงเวลาแล้วเมื่อรัฐบาลไม่ทำคุณต้องทำ
พล.อ.อ.เทิดศักดิ์กล่าวต่อว่า ลำพังแค่ทุบป้ายบนเขาวิหารมันแค่เรื่องขี้เล็บ ส่วนธงชาติถ้าคิดจะทำก็แค่พริบตา ดังนั้น กัมพูชาอย่าได้มาแหยม กองทัพอากาศรู้ดีว่าเครื่องบิน 4 ลำของเขมรมันบินไม่ได้ บินเมื่อไรก็รู้เพราะเรดาร์มันเสีย จะส่งไปซ่อมหนึ่งลำก็ไม่มีเงิน แล้วจะมากำแหงทำไม ส่วนที่มีคนบอกว่ากัมพูชามีจรวดแซม 2 แซม 7 นั้น มันเป็นเครื่องตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ปัจจุบันศักยภาพไม่ต่างจากบั้งไฟแม้จะนำวิุถีด้วยความร้อน เพราะเครื่องบินของเราปัจจุบันมีเรด้าเตือนว่าเราถูกจับด้วยเรด้าของจรวดแซมแล้ว แล้วเราก็มีวิธีทำให้กระสุนมันเปลี่ยนวิถีออกไปทางอื่น ดังนั้นพี่น้องอย่าไปกลัวจรวดของที่เขมร
อีกอย่างเพราะไทยเราก็มีจรวดนำวิถี เราถึงได้รูว่าการดูแลรักษามันยาก ต้องเอาไว้ในห้องแอร์ กัมพูชาไม่มีปัญญาทำห้องแอร์หรอกปล่อยให้ตากแดดตากฝน แล้วเคยเช็คหรือป่าวก็ไม่รู้ว่าจรวดยิงแล้วไปตกที่ไหน ไม่ใช่ยิงแล้วไปตกบ้าน ฮุนเซน แล้วจะมาโทษไทยอีก แต่ของพี่ไทยนะแน่นอนต่อให้ฮุนเซนหนีไปนั่งในส้วม ถ้ารู้ว่าอยู่ในส้วมเราเอาเลเซอร์ไกด์บอมบ์ยิงลงไปมันไปลงตรงโถส้วมเลย ดังนั้น บอกทหารเขมรด้วยหากคิดรบกับคนไทย ไปคิดให้ดีก่อน หากรบแล้วอาจอยู่ในเขมรไม่ได้ อาจเป็นเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพี่น้องกัมพูชาเขาจ้องอยู่แล้ว หากคนไทยแตะเมื่อไรเขาถีบส่งทันที
พล.อ.อ.เทิดศักดิ์กล่าวถึงนายกฯ รูปหล่อว่า ให้เวลามา 2 ปี เคยชื่นชมและเขียนหนังสือเตือน กล้าๆ หน่อยท่านนายกฯ ถึงวันนี้ไม่เห็นท่านกล้าเลย นอกจากไม่กล้าแล้วยังแสดงความปลอดอีกต่างหาก ไม่เคยมียุคสมัยใดในเรื่องของระหว่างประเทศ ที่ชาติไทยจะดูถูกดูแคลนจากชาวชาติ ซึ่งมันเกิดขึ้นในสมัยของนายอภิสิทธิ การประชุมที่พัทยามีผู้นำอาเซียนมามากมาย สุภาษิตไทยพูดว่า “ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” แต่นายอภิสิทธิ์ และนายกฯ ฝ่ายความง่อนแง่น ต้อนรับด้วยการให้หนีตายอย่างกับหมูกับหมา ขออภัยที่พูดเช่นนี้เพราะต้องการให้เห็นภาพ จนถึงยุคปราบปรามเสื้อแดงก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร สั่งให้ทหารปฎิบัติการณ์ไม่ถูกต้องตามยุทธวิธี ทำใหมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อย่าไปโทษทหารอย่าโทษประชาชน ต้องโทษรัฐบาล
“ท่านพูดมามากแล้ว ท่านต้องหยุดพูดกรณี 7 คนไทยถูกจับ พฤติกรรมของท่านไม่ต่างจากพระสวดนั่งอันดับออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนไทยรุกล้ำเขมร ตนไม่เชื่อไม่มีผู้นำประเทศใดจะพูดเช่นนี้ พูดไปพูดมาก็ไม่เหมือนกันสักวัน พฤติกรรมอย่างนี้มันหน่อมแน้ม และที่ท่านปฏิเสธข้อเรียกร้องพันธมิตรฯ ว่า มีอำนาจอะไรไปสั่งรัฐบาล ประเด็นนี้ก็เพราะพวกเราเป็นเจ้าของประเทศไง เมื่อพวกท่านไม่ทำเราก็จะไล่ท่านออกไป อย่างไรก็ดี ท่านยังพอมีเวลาหายใจเราจะให้โอกาส ท่านต้องทำอย่าดีแต่พูดเพราะพูดแล้วเราเสียดินแดน พูดแล้วประชาชนเขาไม่ฟังท่าน และเมื่อเขาเบื่อเขาออกมากๆก็ดูเอาอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจที่สุดที่ประเทศไทยเคยเป็น มีกองทัพตำรวจ ทหาร มีเงินไม่รู้กี่หมื่นล้าน พี่น้องมือตบยังทำจนได้บันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊ก ไล่คนที่คิดว่าไล่ไม่ได้ออกไปแล้วและไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ทังนี้หากนายอภิสิทธิ์หรือรองนายกความง่อนแง่น มั่นใจว่าจะกำจัดพวกเราได้ แนะนำให้เตรียมขนเงินไว้ จะไปประเทศไหนก็เตรียมไว้ แต่ตนเชื่อว่าท่านไม่ได้ไปแน่เพราะคนที่นี่จะไปเอาตัวท่านไว้” พล.อ.อ.เทิดศักดิ์กล่าว
พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า มั่นใจว่าแค่กองทัพอากาศกองทัพเดียว ก็สามารถผลักดันเขมรออกไปได้ ทหารอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่นักบิน ได้ข่าวว่าครึ่งวันก็จบ จำเป็นที่จะต้องยกเลิกเอ็มโอยู 43 จำเป็นต้องใช้กำลังผลักดันเพื่อเอาแผ่นดินของเราคืนมา พอกันทีสำหรับเรื่องนี้หากมีเขตแดนชัดเจนแล้วให้เอาทหารกลับแล้วเอาประชาชนไปอยู่ตลอดเขตแนว เมื่อกัมพูชารุกล้ำเข้ามาอีกก็ไม่ต้องพูดจากันแล้วจัดการทันที ที่มาพูดตนไม่อยากเด่นอยากดัง ไม่ได้อยากเป็นรัฐมนตรี แต่ต้องมาเพื่อชาติและบ้านเมือง ตราบใดที่สังขารยังอำนวยแม้จะต้องนั่งรถเข็นมาก็พร้อมจะมาร่วมกับพี่น้อง
พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กล่าวว่า พี่น้องคนไทยที่ออกมาปกป้องชาติวันนี้ป็นสิ่งที่ควรกระทำ ซึ่งเป็นสันดานของคนไทยที่แท้จริงและสันดานของคนไทยควรเป็นเช่นนี้ทุกคน อ้ายอีคนไหนที่กล่าวร้ายเราไม่ต้องไปสนใจมัน มันพยายามเอาความชั่วมาหุ้มห่อหอกแหลมไม่ให้ปักอกมัน ไม่มีวันมึงตายแน่ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้พูดคำหยาบพ่อขุนรามคำแหงสอนอย่างนี้ ตนก็เป็นคนอย่างนี้ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนของชาติตนไม่เคยเอาไว้ คนทรยศขายชาติไม่เคยเก็บไว้ให้รกสายตา ฉะนั้น ลมปากของคนชั่วมันก็แค่เศษขี้ตีน ไม่ต้องไปฟังมันเราทำดีต่อไป ทุกคนถือหอกพุ่งหอกไปข้างหน้า ชัยชนะมาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศช่วยเอาประกาศของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา มารัดคอรัฐบาลโดยเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียบร้อยแล้วจะลงไปดีๆ หรือจะแขวนตัวเองด้วยเชื่อกที่ตัวจะต้องผูกคอตายเอง
“สัจธรรม พลังแห่งคุณธรรม พลังแห่งความจริง ชนะความชั่วความเท็จทั้งปวง เวลาชัยชนะแห่งพวกเรามาถึงแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แผ่นดินไทยกำลังจะถูกกวาดล้างไปด้วยความดี ความดีจะกวาดล้างความชั่วให้หมดไปจากแผ่นดิน น้องดาว์พงษ์ ตกลงกับพี่ไว้แล้ว อย่าลืมสัจจะนะ” พล.อ.ปรีชากล่าว