“สำราญ” ย้ำไม่ได้กระหายสงคราม แต่เรื่องความมั่นคงไม่ได้หมายความว่าเราจะหุบปากไม่กล้าสำแดงออก เรียกร้อง “มาร์ค” รักชาติแค่เศษเสี้ยว “ถนัด คอมันตร์” ซัดจะยุบสภาหรืออยู่จนครบเทอมก็ไม่ว่า แต่อยู่แล้วอย่าทำตัวหนักแผ่นดิน เตือน “เทพเทือก” อย่าลุ่มหลงในอำนาจทางการเมืองเพราะมันไม่ยั่งยืน เชื่อ “พระรักเกียรติ” แฉโพยการซื้อเสียงเรื่องจริง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสำราญ รอดเพชร "
วันที่ 30 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวย้ำว่า จุดยืนคนที่เป็นพันธมิตรฯ ไม่ว่า พล.ต.จำลอง นายสนธิ หรือใครก็ตาม ถ้าทำผิดจะโดนเล่นงานไม่มีไว้หน้า คนที่มาพยายามเสี้ยมเราให้แตกแยกกุข่าวต่างๆ นานา เป็นรัฐบาลจนถึงขณะนี้ 2 ปีแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังทำไม่ได้เลย ส่วนกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโจมตีว่าบนเททีนี้มีพรรคการเมืองใหม่ ตนไม่ปฎิเสธแต่วันนี้ตนมาในฐานะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ไม่มีวันเกษียณและจะต้องเป็นพันธมิตรฯ ไปตลอดชีวิต ขอให้พี่น้องอดทนสู่ต่อไป สุดท้ายสิ่งที่พี่น้องต่อสู้จะได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องและดีงามต่อแผ่นดิน
นายสำราญกล่าวถึงนายสุเทพที่พูดเรื่องธงชาติเขมรในวัดแก้วสิขิคีรีสวาระ ว่าเป็นธงงานวัด นั้น มีเพื่อนตนเป็นนักข่าวมือฉมังเคยทำข่าวสายทหารด้วยกัน ปัจจุบันเป็น บก.ข่าวการเมืองและความมั่นคงของไทยพีบีเอส (ทีวีไทย) ยืนยันว่า ธงนั้นไม่ใช่ธงงานวัด แต่เป็นธงเขมรที่ตั้งใจติดเยาะเย้ยประเทศไทย ดังนั้น กองทัพต้องดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ข้อเสนอของพันธมิตรฯ เป็นประโยชน์ต่อประเทศ โปรดนำไปพิจารณา เราไม่ได้อยากให้มีสงคราม แต่เราต้องการให้กองทัพแสดงถึงความเข้มแข็ง
“เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้วิจารณญาณก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหุบปากไม่กล้าสำแดงออกอะไร แล้วมองประชาชนที่มาชุมนุมว่าคิดไม่ดี ตกเป็นเครื่องมือของพรรคการเมือง คิดอย่างนี้ไม่ต่างจากความคิดแบบนักการเมืองชั่ว” นายสำราญกล่าว
นายสำราญกล่าวอีกว่า บ้านเมืองของเราอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ปี2551 มีการเสนอบอกว่าให้ใช้มาตรา 15 ยกระดับ ศอส. เป็นศูนย์อำนวยการรักษาความสงบและเรียบร้อย คือ คิดจะคุมเข้มคนที่มาร่วมชุมนุมอีกทีหนึ่ง คิดอย่างนี้คุณกำลังคิดผิด อยากกราบเรียนไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คำอธิบายของท่านเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ฟังไม่ขึ้น จึงอยากเสนอให้รัฐบาลทบทวนหรือยกเลิกเอ็มโอยู 43 ที่เป็นปมยุ่งยาก อย่างเรื่องเขาพระวิหาร เขมรใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เข้าไปด้วย แต่ศาลไม่ได้ตัดสินในส่วนนี้ แต่เขมรยังดื้อดึงใช้แผนที่นี้อยู่ จนเกือบจะสำเร็จหากเราไม่ไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเสียก่อน อย่างไรก็ดี เขมรยังยืนยันตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบเขาวิหารเป็นของเขา ด้านเราก็หลงกลไปด้วยว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่าพื้นที่ทับซ้อนมีเฉพาะพื้นที่ใต้เฉพาะปราสาทเขาวิหารเท่านั้น และตรงนี้ พ.อ.ถนัด คอมันตร์ ได้ขอสงวนสิทธิข้อต่อสู้จะทวงคืนปราสาทเขาวิหารคืน ซึ่งต่อมา พ.อ.ถนัดก็ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาวันนี้ตนอยากถามนายอภิสิทธิ์ ทำไมไม่ทำตามรุ่นพี่เอาให้ได้แค่เศษเสี้ยวของ พ.อ.ถนัด ก็พอ
ส่วนนายสุเทพต้องทบทวนท่าทีตนเองเสียใหม่ อย่าลุ่มหลงในอำนาจทางการเมือง เพราะมันไม่ยั่งยืน ประเมินพันธมิตรฯ ต่ำไป พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่มีทางเลิกลาตราบใดที่ข้อเรียกร้อง 3 ข้อไม่ได้รับการสนองตอบ ขณะที่เราเคลื่อนไหว ด้านหนึ่งก็ปล่อยข่าวเรื่องปฏิวัติ ยุบสภาเขาก็เตียมจับมือกันใหม่จัดตั้งรัฐบาล คงเอ็มโอยู 43 ไว้ โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นี่คืออนาคตของประเทศไทยมองไปไม่เห็นแสงสว่าง อย่างไรก็ดี ด้านหนึ่งเราก็ยอมรับกติกาประชาธิปไตย จะยุบสภาหรืออยู่จนครบเทอมก็ไม่ว่า แต่อยู่แล้วอย่าทำตัวหนักแผ่นดิน
“แม่ยกโทร.มาถามประเด็น พระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม ที่ไปแฉโพยการซื้อเสียง ที่ กกต. ว่า เชื่อถือได้หรือไม่ ตนก็ตอบไปว่า ตอนพูดพระบอกว่าอาตมาถือศีลไม่พูดปด ขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศนี้ใช้เงินหมื่นล้านก็แทบยึดประเทศได้แล้ว ทั้งนี้เมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองของเราก็ถูกยึดไปแล้วครึ่งหนึ่งเพราะเงิน” นายสำราญกล่าวทิ้งท้าย