“ประพันธ์” ซัดนักการเมืองมายากล “มาร์ค” สมกับจบจากอีต้ม ทุจริตแบบลีลา ไม่รักษาคำพูดไม่รักษาสัญญาหลอกชาวบ้านไปทั่ว พร้อมฝากคนดีใน ปชป. ขับไล่ “มาร์ค-เทือก” ก่อนพาพรรคไปสู่หุบเหวแห่งหายนะ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันที่ 28 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพันธุ์แท้ ไม่ได้รักใครที่ตัวบุคคคล อนาคตไม่ว่าจะเป็นตน นายสนธิ หรือใครหากทำผิดก็ต้องโดนเหมือนกัน ที่ผ่านมาเรารักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้หมายความว่าเราจะรักจนวันตาย เมื่อไม่ได้เป็นผู้บริหารที่รักชาติ ทำความหายนะให้ประเทศ ไม่มีภาวะผู้นำ กลลยุทธ์ต่างประเทศสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ ภูมิความรู้ก็สู้พวกเราไม่ได้ ก็ไม่สมควรเป็นนายกฯ ที่เราไว้วางใจ หากเป็นคนมีการศึกษามีวุฒิทางการเมืองจริงเขาแสดงความรับผิดชอบลาออกไปตั้งนานแล้ว
ทั้งนี้ ความเป็นสมาชิกพรรคของนายอภิสิทธิ์ ก็เป็นไม่ได้เพราะขาดคุณสมบัติ ขนาดตราพรรคประชาธิปัตย์ เขียนว่า สัจจังเว อมตวาจา แปลว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่พฤติกรรมของนายอภิสิทธิ์ ที่ผ่านมามีการยัดเยียดข้อหาให้คนไทยต้องไปติดคุกเขมร ใช้ทีวีสาธารณะแถลงข้อมูลเท็จ ถือว่าไม่มีสัจวาจาตราพรรคยังไม่เคารพเลย ยิ่งนับวันความเป็นทองเปลวของคุณเมื่อโดนไฟความรู้ของพันธมิตรฯลนก็ร่วงกราว จุดประสงค์การตั้งพรรคการเมืองก็เพื่อทำหน้าที่รับใช้ประเทศ ดังนั้น หากคุณมีเจตนารับใช้ประเทศชาติบ้านเมืองจริง ต้องออกมายืนหยัดสู้กับภาคประชาชน
ส่วนที่ว่าทำไมต้องใช้คำว่า “อีต้ม” เพราะนายอภิสิทธิ์ ไม่เคยรักษาคำพูด ไม่เคยรักษาสัญญา ไปหลอกชาวบ้านว่าจะเอาที่ดินทำกินคืนให้ แล้วก็ต้มเขาไม่ทำอะไรเลย คนที่เจ็บปวดที่สุด คือ นายพนิช เป็นเพื่อนนายกฯ ถูกใช้ให้ไปทำหน้าที่ หวังหาเสียงกับชาวบ้าน ปรากฏว่าพนิชไปถูกจับติดคุก หนู แมลงสาบ ยุง กัดทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุก ตัวนายอภิสิทธิ์เป็นถึงนายกรัฐมนตรี กลับช่วยเพื่อนไม่ได้ ไม่เพียงเท่านี้เมื่อศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก เสือกมาแถลงว่าคนไทยลรุกล้ำ และด้วยผลของคำพิพากษาศาลกัมพูชา นี้อาจทำให้หลุดจากการเป็นรัฐมนตรีได้ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย
นายประพันธ์กล่าวถึงพฤติกรรมนายอภิสิทธิ์ว่า เป็นนักมายากลทางการเมือง ถ้าเราตามทัน คนอื่นก็ตามทัน นายกฯที่บอกว่าเก่งนักเก่งหนา จะว่าไปวันนี้หากขึ้นเวทีปราศรัยเรื่องเขาวิหารยังสู้กับนายตายแน่ไม่ได้เลย นายอภิสิทธิ์ยังมีสปิริตความเป็นคนอยู่หรือไม่ชาวบ้านที่เขาเดือดร้อนยังแก้ไม่ได้ เมื่อก่อนเคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง หากเอาที่ดินคืนให้ชาวบ้านได้จะเป็นดาวรุ่งพุ่งสูงเสียดฟ้าตนก็ยินดีด้วย อย่างไรก็ดี วันนี้ก็พุ่งเหมือนกันแต่พุ่งลงสู่เมรุ นักการเมืองที่ไม่มีฐานทางการเมือง ไม่เคยผ่านประสบการณ์ แล้วอยากจะเป็นผู้บริหารประเทศ ขึ้นเร็วก็ตกเร็วและตกหนักด้วย
นายประพันธ์กล่าวถึงเรื่องราวก่อนนายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีว่า เคยเหยียบหัวคนอื่นขึ้นมาโดยไม่ชอบ ทำลายผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ด้วยความที่นายสุเทพอยากถีบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แล้วให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ ก็ไปกดดันเรื่องฐานคะแนนเสียง จนทำให้บัญญัติแสดงสปิริตลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นรักษาการแทน ช่วงนั้นเขาไม่ได้เลือกคุณเป็นนายกเลย ต่อมามีการเลือกตั้งจึงได้เป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ กำลังพาพรรคไปสู่หุบเหวแห่งหายนะ นักการเมืองในพรรคที่มีอุดมการทางการเมืองตกอยู่ในภาวะน้ำท่วมปากมีบทบาทน้อยลงเรื่อยๆ คนที่มีบทบาทขณะนี้จะเป็นพวกนักลงทุน ลูกคนใหญ่คนโต หากใครหือก็ไปขู่เขาคราวหน้าจะไม่ส่งลงเลือกตั้ง ตนถึงได้บอกว่าถ้าปล่อยให้สองคนนี้ครอบงำพรรค มีแต่จะประสบความหายนะและตกต่ำ
นายประพันธ์กล่าวฝากถึงคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ด้วยความปรารถนาดี ถ้ายังอยากให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในใจประชาชน คนดีๆ ในพรรคต้องออกมากอบกู้ วันนี้ต้องโค่น นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ ให้ออกไปจากพรรคเสีย ช่วงสถานการณ์ขณะนี้เหมาะที่สุดเพราะพฤติกรรมกำลังนำพรรคไปสู่หายนะ ส่วนพี่น้องภาคใต้ที่เคยอุ้มชูนายอภิสิทธิ์ หากคิดได้แล้วจะวางก็กลัวเสียหน้า ถึงขณะนี้แล้วไม่ต้องอาย ไม่ต้องเขิน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรก็เข้าร่วมชุมนุมกับเราได้ เราไม่ได้ต้องการคนมากแต่ต้องการมีเพื่อนมาร่วมฟัง
“มีคนถามว่าเราจะสู้กันนานไหม จะชนะหรือป่าว ผมตอบว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนสร้างภาพว่าเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ การศึกษาสูง วิธีขจัดต้องสู้ด้วยปัญญา ไม่จำเป็นต้องมีประชาชนมาร่วมชุมนุมเป็นหมื่นเป็นแสน มาแค่นี้ก็ชนะ หากใช้เวทีนี้ทำให้ประชาชนรู้ว่า นายอภิสิทธิ์ ก็คือจอมายานักเรียนอีต้ม มีคนถามตนว่าแก่ขนาดนี้แล้วมาชุมนุมไม่เหนื่อยหรือ ผมก็ตอบว่ามาชุมนุมมีความสุข สุขที่สุดที่ได้ปกป้องที่ดินของชาติ” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวว่า สุดท้ายเรื่องข้าว นายอภิสิทธิ์ก็เล่นลีลาหลอกลวง ช่วงประมูลขายข้าวลอตแรก ไปแตะสกัดขัดขวางไม่ให้นางพรทิวา นาคาศัย นำออกขาย แต่พอข่าวเริ่มเงียบก็นำออกขาย ปรากฏว่าได้กำไรกระสอบละ 1-2 ร้อย ถ้าเป็นพันเป็นหมื่นตันคิดเป็นเงินเท่าไรคิดเอาเอง โดยมีรัฐมนตรีในพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และนายอภิสิทธิ์ก็เซ็นอนุมัติปล่อยผ่าน เมื่อเปรียบเทียบกับยุคทักษิณ ต่างกันตรงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าจะเอาก็เอาดื้อๆ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ จบจากโรงเรียนอีต้ม ก็ต้องลีลาหน่อย
