ป.ป.ช.สอบบัญชีแสดงทรัพย์สิน “สมศักดิ์” พบปกปิดบัญชีเงินฝากก่อนฟอกเงินด้วยการเอาโรงสีบังหน้าสร้างบ้านหรูมูลค่าร่วม 30 ล้านบาท เตรียมยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยพ้นจากตำแหน่ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.แถลงว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณากรณีที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย บ้านพักอาศัยที่ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ราคาประมาณ 30 ล้านบาท รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อ BENZ จำนวน 2 คัน มูลค่ารวม 12 ล้านบาท และร้าน Am-Pm ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารเลขที่ 204 หมู่ที่ 7 ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของแทนนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการไต่สวนชุดเดียวกันนี้ ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายสมศักดิ์ที่ได้ยื่นแสดงไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในตำแหน่งต่างๆ ผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
จากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ของ นายสมศักดิ์ และคู่สมรสที่ได้ยื่นแสดงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และจากการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นแสดงดังกล่าว พบว่า นายสมศักดิ์ ไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สิน ดังนี้ 1.ไม่แสดงเงินฝากของตนและหรือของคู่สมรสที่ฝากไว้ในบัญชีเงินฝากต่าง ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากเพิ่มเติม จำนวน 2 บัญชี ได้แก่ โดยบัญชีเงินฝากทั้งสองดังกล่าวมีต้นเงินมาจากเงิน จำนวน 3 ยอด ได้แก่ 1.เงินสดที่ไม่ทราบที่มาจำนวน 15,000,000 บาท 2.เงินในบัญชีเงินฝากของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ได้แก่บัญชีเงินฝากประจำ ธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาวิเศษชัยชาญ เลขที่บัญชี 141-3-04376-6 จำนวน 10,011,783.56 บาท และ 3.เงินในบัญชีเงินฝากของนายสวัสดิ์ เลิศเจริญศิลป์ พี่เขยของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จำนวน 4,099,813.70 บาท
จากข้อเท็จจริงข้างต้นจึงฟังได้ว่า เงินทั้ง 3 ยอด ในปลายปี พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาได้นำ หจก.โรงสีวิเศษ-ชัยชาญเจริญกิจ ทำสัญญากู้เงินจากธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาวิเศษชัยชาญ โดยนำเงินของนายสมศักดิ์ ที่ได้มาทั้งหมดชำระเงินกู้ยืมจากธนาคาร ส่วนเงินกู้ที่ได้จากธนาคารซึ่งมีที่มาจากเงิน 3 ยอดดังกล่าว ได้กระจายฝากเข้าในบัญชีเงินฝากที่ใช้ชื่อ หจก.โรงสีวิเศษชัยชาญเจริญกิจ เป็นเจ้าของบัญชี โดยมีนางรวีวรรณ ปริศนานันทกุล เป็นผู้มีอำนาจในการเบิกถอนเงิน โดยมีบัญชีเงินฝากประจำ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาอ่างทอง ซึ่งนางรวีวรรณ ได้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณ 13 ล้านบาทเศษ และนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นบุริมสิทธิหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 10,000,000 บาท ในชื่อของนางรวีวรรณ ปริศนานันทกุล โดยบัญชีเงินฝากต่างๆ ดังกล่าว ปรากฏว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ไม่ได้ยื่นแสดงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
2.ไม่แสดงรายการทรัพย์สิน บ้านเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง จากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงนายสุรเชษ นิ่มกุล ขณะดำรงตำแหน่งกำนันตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับนายสมศักดิ์ ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนด รวม 2 โฉนด และนายไพโรจน์ ฉัตรบริรักษ์ พี่ชายของนางรวีวรรณ ได้ซื้อที่ดินโฉนด จากนายสุรเชษ นิ่มกุล ซึ่งจากการตรวจสอบ การปลูกสร้างบ้านหลังดังกล่าวเกิดจากการดำเนินการของผู้ใกล้ชิดของนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางการเมืองให้แก่นายสมศักดิ์ คนหนึ่ง และเป็นผู้ที่ขายที่ดินให้กับนายสุรเชษ นิ่มกุล ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่นายสมศักดิ์ให้การสนับสนุนทางการเมือง หลังจากนายสุรเชษซื้อที่ดินแล้วได้ขายที่ดินให้กับนายไพโรจน์ เข้ามาช่วยในการถมดิน และผู้ขายที่ดินให้กับนายสุรเชษเป็นผู้จัดส่งวัสดุในการก่อสร้างบ้าน
3.นายสมศักดิ์ เป็นผู้ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ เพื่อช่วยเหลือนายสุรเชษ ให้ได้รับอนุมัติเงินกู้ยืมเพื่อมาซื้อที่ดินที่นำมาปลูกสร้างบ้านหลังนี้ และเป็นผู้จัดหาสถาปนิกและวิศวกร เพื่อออกแบบบ้านตามความต้องการของนายสมศักดิ์ เมื่อบ้านปลูกสร้างเสร็จครอบครัวของนายสมศักดิ์ เป็นผู้ใช้ประโยชน์จากบ้านหลังดังกล่าวโดยตรง มิใช่เพื่อความต้องการของตระกูลฉัตรบริรักษ์ อีกทั้ง พี่น้องตระกูลฉัตรบริรักษ์ ต่างแยกครอบครัวและพักอาศัยที่บ้านของตนเอง และบ้านหลังนี้ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 แต่จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาประมาณ 9 ปีเศษแล้ว ยังไม่มีการแจ้งชื่อผู้ใดเป็นเจ้าของบ้าน ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการปลูกสร้างบ้านส่วนใหญ่มาจากการนำเงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจโรงสีวิเศษชัยชาญเจริญกิจ มาดำเนินการปลูกสร้างบ้านตามที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงไว้แต่อย่างใด เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการปลูกสร้างบ้านในบัญชีงบดุลของ หจก.โรงสีวิเศษชัยชาญเจริญกิจ
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่นายสมศักดิ์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของตนและคู่สมรสในตำแหน่งและกรณีต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากต่าง ๆ และบ้านเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นการจงใจหลีกเลี่ยงการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินของตนและคู่สมรส คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติว่า นายสมศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 263 ให้ นายสมศักดิ์ พ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
สำหรับรายการทรัพย์สินอื่นที่กล่าวหาว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จงใจปกปิดได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อ BENZ จำนวน 2 คัน และร้าน Am-Pm ที่ตั้งอยู่ที่อาคารเลขที่ 204 หมู่ที่ 7 ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ นั้น จากการตรวจสอบ พยานหลักฐานยังไม่พอฟังว่าเป็นทรัพย์สินของ นายสมศักดิ์ หรือคู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองแทนตามข้อกล่าวหา ส่วนในกรณีที่กล่าวหาว่า นายสมศักดิ์ ร่ำรวยผิดปกติ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาให้ นายสมศักดิ์ ทราบ เพื่อให้โอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาผลการไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นประการใด จะได้แถลงให้ทราบในโอกาสต่อไป