โฆษกเพื่อไทยเปิดโรงยี่เกโต้โทรโข่งประชาธิปัตย์ ด่าสับสนจุดยืนแก้รัฐธรรมนูญ ยันพรรคจะเอาของปี 40 มาตลอด แย้มรู้มติพรรคจันทร์หน้า โวไม่ว่าจะแก้แบบไหนเพื่อไทยก็ชนะเลือกตั้ง อ้าง “กรณ์” ยอมรับจ้างเอกชนเพราะจำนนหลักฐาน ชี้ 8 นโยบายลอกสมัย “แม้ว” หมด ท้าควง “มาร์ค” แจงจ้างบริสุทธิ์หรือไม่
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ข่าวว่าพรรคเพื่อไทยยังมีความสับสนและไม่มีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตราว่า พรรคเพื่อไทยอยากจะถามกลับไปว่าพรรคประชาธิปัตย์เองมีแต่ความกระสับกระส่ายที่จะพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ตามที่ได้ตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีจำนวน ส.ส.มากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงพยายามโยนบาปมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อไปสู่เกมทางการเมือง ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนมาโดยตลอดว่าจะยึดรัฐธรรมนูญปี 40 เพราะเห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมสมาชิกของพรรคเพื่อกำหนดเป็นมติของพรรคในวันจันทร์ที่ 24 มกราคมนี้
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวต่อว่า สถานการณ์ล่าสุดนั้นพรรคร่วมรัฐบาลยังมีความพยายามที่จะต่อรองกันในผลประโยชน์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ซึ่งก็ยังตกลงกันไม่ได้ และสุดท้ายก็จะได้ตัดสินว่ารัฐบาลและพรรคร่วมจะเลือกตัดสินที่ประโยชน์ของประชาชนหรือประโยชน์ของตัวเอง แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยพร้อมในการแก้ไขครั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะมีจำนวน ส.ส.แบบใด พรรคเพื่อไทยก็มั่นใจว่าจะชนะในการเลือกตั้งอย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องรีบออกมาแสดงจุดยืนในตอนนี้
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายอมรับว่ามีการว่าจ้างบริษัท แมคคินซี่ แอน คอมปะนี มาเป็นบริษัทที่ปรึกษาในการจัดทำนโยบายของรัฐบาลว่า เป็นเพราะว่านายกรณ์จำนนต่อหลักฐานที่พรรคเพื่อไทยนำออกมาแสดง ตนอยากจะถามนายกรณ์ว่าเอาอะไรมาคิดในการออกนโยบายเช่นนี้ เพราะเป็นนโยบายเก่าแทบทั้งสิ้น ยกเว้นการขายไข่แบบชั่งเป็นกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งนโยบายเช่นนี้ก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่แม่ค้าที่ขายไข่ด้วย แต่อีก 8 ข้อล้วนแล้วแต่ลอกเลียนแบบมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมด
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า การจัดจ้างบริษัมเอกชนของรัฐบาลในครั้งนี้น่าจะไม่สุจริต เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก้พวกพ้อง เพราะในการว่าจ้างนั้นก็ไม่ได้มีการประมูลราคากับบริษัทออื่นๆ ด้วย การดำเนินการเช่นนี้ถือเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลอสิทธิ์อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ตนอยากจะท้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ว่าการที่จะพิสูจน์หรือไม่ว่าการจ้างบริษัทในครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่โปร่งใสหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างและเนื้องานภายหลังจากการว่าจ้างว่าได้อะไรมาบ้าง ให้ทั้ง 2 คนออกมาชี้แจงต่อประชาชน
“ไม่รู้ว่าจะให้ฉายารัฐบาลชุดนี้ว่าอย่างไรกับการจัดทำนโยบายในครั้งนี้ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับฉายารัฐบาลชั่งกิโลมากกว่า” นายพร้อมพงศ์กล่าว