“นายกฯ” เผย ช่องทางช่วยเหลือ 5 คนไทยยังไม่ถึงทางตัน ส่งทนายยื่นอุทธรณ์แล้ว หลังศาลกัมพูชาไม่ให้ประกันตัว ยันฝ่ายบริหารไทยไม่อยากให้ยืดเยื้อ ส่วนกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ชุมนุมขับไล่เป็นสิทธิ แต่ต้องไม่กระทบคนอื่น เผยรออารมณ์เย็นจะเข้าไปทำความเข้าใจ รับอยากให้เรื่องจบเร็วๆ พร้อมจะชี้แจงด้วยตนเองทั้งหมด ส่วนที่ปล่อย 2 คนไทยไม่เกี่ยวแลก 2 ผู้ต้องหาเขมร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือ 5 คนไทยที่ล่าสุด ทางศาลกัมพูชาไม่ให้ประกันตัว ว่า ได้ให้ทนายยื่นอุทรณ์แล้ว เพราะเราต้องการให้สามารถปล่อยตัว หรือให้ประกันตัวมาได้ครบทุกคน และได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าได้ดำเนินการไปแล้ว เชื่อว่า ในตอนนี้ช่องทางการช่วยเหลือยังเดินไปได้ และการที่ศาลกัมพูชาให้ประกันตัวมา 2 รายแรก ถือเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่เราต้องการให้อีก 5 คนได้รับการประกันตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งได้ยื่นอุทรณ์ไปแล้ว และคิดว่า ต้นสัปดาห์รู้ผลแน่นอน อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ทราบรายละเอียดในการใช้ดุลพินิจของศาลกัมพูชาในการปล่อนตัวคนไทย 2 รายแรก
ส่วนเหตุผลที่ศาลกัมพูชาไม่ให้ประกันตัว 5 คนไทยที่เหลือนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เราได้อุทธรณ์ไปแล้ว ซึ่งในส่วนของฝ่ายบริหาร เห็นว่า ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเหล่านี้ยืดเยื้อออกไป และเราได้ถ่ายทอดไปให้ทราบถึงความต้องการของฝ่ายบริหารเราว่าเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นเรื่องกระบวนการภายในของกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีท่าทีที่รัฐบาลกัมพูชาจะรับฟังจุดยืนของไทยในเรื่องนี้บ้างหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า กัมูชาก็รับฟัง เมื่อถามว่า มีการมองว่าการที่ไทยปล่อยตัวนักโทษกัมพูชา 2 ราย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนคนไทย 2 คนที่ศาลกัมพูชายอมให้ประกันตัว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันมีอยู่เป็นระยะๆ จริงๆ แล้วต้องเรียนว่ามันอาจไม่ได้เป็นข่าวอยู่เป็นประจำ แต่ลักษณะของปัญหาที่มีการที่จะเข้ามาแล้วถูกจับกุม มีการปล่อยบ้าง มีการดำเนินคดีบางส่วน แม้บางครั้งมีการต่อสู้ก็มีการยิงกัน ฝั่งเราก็มีหลายครั้ง ฉะนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดปกติอะไร
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่จังหวะเวลาที่ปล่อยตัว 2 ผู้ต้องหากัมพูชา เป็นวันเดียวกับ 2 ใน 7 คนไทยที่ถูกกัมพูชาควบคุมตัวไดัรับการประกันตัว ป็นการส่งนัยยะอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ารายละเอียดว่าเป็นอย่างนั้น แต่เป็นกระบวนการปกติและอย่างที่เรียนคือเมื่อเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายไป คงต้องมาพูดคุยถึงแนวปฏิบัติต่อจากนี้ไปไม่ให้เกิดปัญหาความคลางแคลงใจกระทบกระเทือนกันจนบานปลายไปเป็นเรื่องอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ มีแนวทางชัดเจนที่จะดำเนินการร่วมกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยปฏิบัติเขาก็มีแนวทางที่เขาดำเนินการอยู่ แต่บางครั้งแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนกัน ฉะนั้นบางครั้งอาจจะมีความไม่ชัดเจนมีความสับสนอยู่บ้าง แต่ตนคดว่ารจำเป็นที่จะต้องมาสะสางกันค่อนข้างมาก
ต่อข้อถามว่า กรณี 7 คนไทยที่เกิดขึ้น จะทำให้การแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ต้องสะดุดลงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ เพราะแนวทางการแก้ปัญหาชายแดนต้องเดินหน้าต่อไป อย่างกรณที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทางเราต้องมีการดำเนินการต่อในระดับปัญหาภาพใหญ่ด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเจบีซี หรือมรดกโลก เมื่อถามว่า กังวนการเคลื่อนไหวของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พยายามให้ทางเจ้าหน้าที่ประสานงานอยู่ตลอด ไม่ให้การเคลื่อนไหวเป็นปัญหาอะไร ส่วนที่มีการยกระดับเป็นเรื่องการขับไล่ตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีกหลายคน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นและเราก็พยายามไม่ให้มันเกิดปัญหาในแง่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือชุมนุม ตนได้กำชับทางตำรวจดูแลให้ทุกอย่างอยู่บนความพอเหมาะพอดี สามารถใช้สิทธิ์ได้ แต่อย่าให้ไปกระทบกระเทือนกับประชาชนทั่วไปมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำความเข้าใจอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องรอให้อารมย์เย็นลงนิดหนึ่ง ซึ่งตนเองยินดีในการทำความเข้าใจ แต่สังเกตุดูหลายคนยังไม่อยากฟัง นั่นคือปัญหา เมื่อถามว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่เรียนเมื่อสถานการณ์ 7 คนไทยคลี่คลายลงในระดับหนึ่งหรือส่วนใหญ่ ตนจะชี้แจงเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง เมื่อถามว่า สำหรับท่านนายกฯคิดว่า คลี่คลายลงหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่เราต้องพยายามทำทุกวิถีทางเร่งรัดให้มันเร็วขึ้น เพื่อที่จะได้ชี้แจงทุกอย่าง ตนอยากให้เรื่องนี้มันผ่านพ้นไป
