หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพื่อแม้ว แฉน้ำมันปาล์มขาดแคลนจนต้องขึ้นราคาเกิดจากกองทุนปีศาจในประเทศที่กักตุนสินค้าให้ขาดแคลน จี้พาณิชย์ออกกฎกระทรวงห้ามกักตุนไม่เช่นนั้นจะลามไปสินค้าตัวอื่นเป็นลูกโซ่ ที่สุดจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ พร้อมเรียกร้องนำเข้าน้ำมันปาล์มให้รวดเร็วเพื่อแก้ปัญหา
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน ในขณะนี้ ไม่ได้เป็นผลจากปัญหาน้ำท่วมอย่างเดียว แต่เกิดจากการกักตุนของกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งส่งผลให้น้ำมันปาล์มขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้กระทรวงพาณิชย์ต้องอนุมัติขึ้นราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดจาก 37 บาทเพิ่มอีก 9 บาทต่อขวด ส่งผลให้ราคาจำหน่ายขยับเพิ่มเป็นขวดละ 46 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา
นายสุชาติกล่าวว่า การกักตุนสินค้าจะไม่เกิดเฉพาะน้ำมันปาล์มเท่านั้น หากรัฐบาลไม่รีบแก้ไขจะเกิดกับสินค้าอื่นๆ ด้วย เช่น น้ำมันถั่วเหลือง และจะมีลักษณะเกิดการขาดแคลน กับสินค้าชนิดอื่นๆ ไปเรื่อยๆ ทั้งนี้เกิดจากกองทุนเก็งกำไรในประเทศ ที่ทำตัวเหมือนเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) บางคนเรียกว่ากองทุนปีศาจ ที่ทำการกักตุนสินค้าให้ขาดแคลน เป็นการทำลายผู้ทำธุรกิจที่สุจริต และทำให้พี่น้องประชาชนต้องซื้อของแพงขึ้นอย่างมาก การกระทำเช่นนี้ของเฮดจ์ฟันด์ในประเทศ นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทั้งประเทศแล้ว ยังอาจเป็นชนวนให้เกิด การขึ้นราคาสินค้าต่างๆ ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ เป็นการสร้างปัญหาเงินเฟ้อโดยการผูกขาดตัดตอนด้วย
นายสุชาติเสนอวิธีแก้ไขกรณีน้ำมันปาล์มขึ้นราคา โดยให้ออกกฎกระทรวงฯ ห้ามกักตุนสินค้าน้ำมันปาล์ม และสินค้าอื่นๆ ที่จะมีการการกักตุนตามมา โดยให้แจ้งสต็อก (stock) จำนวนสินค้าที่มีอยู่ หากเกินกว่าจำนวนที่กำหนด จะมีความผิดตามกฎหมาย หรือหากไม่แจ้ง ก็จะมีความผิดเช่นกัน ให้รางวัลนำจับแก่ผู้ที่ทราบเบาะแสการกักตุน ทั้งนี้ผู้กักตุนให้รวมถึงที่เป็นองค์กรธุรกิจและบุคคล
นอกจากนี้ ให้เปิดการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศให้มากพอ และรวดเร็ว เช่น จากประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้หากรัฐบาลทำทั้ง 2 ประการให้รวดเร็ว ราคาน้ำมันปาล์มจะลดลงตามราคาตลาดโลก หากรัฐบาลไม่ทำตามนี้ กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ในประเทศเหล่านี้ก็จะไปทำการกักตุนสินค้าอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้ขาดแคลน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีความเดือดร้อนอย่างมาก