เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ตอกนโยบายประชาวิวัฒน์ 9 มาตรการ ฐานคิดเดียวกับประชานิยม ต่างแค่ภาษา แต่เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หวังเรียกคะแนนเสียง เพื่อขอโอกาสประชาชนกลับมาเป็นรัฐบาล จวกเข้าข่ายติดสินบนทางนโยบาย ทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ควรได้รับตาม รัฐรรมนูญ
วันนี้ (9 ม.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ได้กล่าวถึงการประกาศนโยบายประชาวิวัฒน์ 9 มาตรการของรัฐบาล แม้หลายมาตรการจะเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยตรง เพื่อคนยากจนและด้อยโอกาสก็ตาม แต่ก็ยังเป็นลักษณะของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งรัฐบาลคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหวังคะแนนเสียงทางการเมือง เพราะมาตรการเหล่านี้ประกาศออกมาพร้อมๆ กับการกำหนดช่วงวันเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในกรอบ 6 เดือนพอดี ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาลมาตรการเหล่านี้ก็ไม่มีหลักประกันว่ารัฐบาลชุดหน้าจะรับช่วงต่อ ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็จะใช้นโยบายประชาวิวัฒน์ ไปขอโอกาสจากคนจนให้เลือกกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
“ทั้ง 9 มาตรการจริงๆ แล้ว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ที่ควรได้รับตามรัฐธรรมนูญ และถือเป็นหน้าที่ของทุกรัฐบาลที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลชุดนี้ที่บริหารแผ่นดินมากว่า 2 ปีเข้าสู่ ปีที่ 3 คือ การริเริ่มหรือวางมาตรการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะปัญหาความยากจนในระดับโครงสร้าง ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม” นายสุริยะใส กล่าวและว่า
ประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลประชาธิปัตย์กับประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ ต่างกันแค่ภาษาแต่มีรากฐานความคิดเดียวกัน คือ มุ่งเน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หวังผลทางการเมือง ละเลยการปฏิรูปในระดับโครงสร้าง จึงไม่แปลกที่ทั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์และรัฐบาลทักษิณเลือกที่จะไม่ดำเนินการในเรื่องของการกระจายอำนาจ การกระจายรายได้ การปฏิรูปที่ดิน การจัดเก็บภาษีแบบอัตราก้าวหน้า เพราะเกรงว่าจะกระทบกับกลุ่มอำนาจธุรกิจการเมืองที่คอยค้ำอำนาจรัฐบาลอยู่ จึงใช้วิธีผลิตนโยบายง่ายๆ เพื่อเล่นกับปัญหาเฉพาะหน้าของคนจน ด้วยการซื้อใจคนจน และให้คนจนรอพึ่งพิงรัฐบาลอย่างเดียวพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ซึ่งเข้าข่ายติดสินบนในระดับนโยบาย