ชมรมกฎหมายภิวัฒน์ฯ เครือข่ายก๊กแดง ยื่นหนังสือต่อประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้พิจารณาเสนอยุบ ปชป.ต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกรอบ อ้างคำวินิจฉัยกลางไม่ได้ระบุถึงข้อเท็จจริงของคดี
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เช้าวันนี้ (6 ม.ค.) นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดงได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้พิจารณาคดีเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาท และคดีเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากยกคำร้องมาพิจารณา และยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญใหม่อีกครั้ง โดยได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2553 เรื่องการยุบพรรคพลังเกษตรกรและคำวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ในคดีรับเงินบริจาค 258 ล้านบาทมาเป็นหลักฐาน
นายพิชากล่าวว่า การที่ต้องเดินทางมายื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ในครั้งนี้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลผูกพันต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐธรรมนูญตามมาตรา 216 วรรคห้า แต่หากดูตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญที่ 50 จะระบุว่าเมื่อศาลกำหนดประเด็นการพิจารณาไว้ คำวินิจฉัยก็ต้องพิจารณาครบทุกประเด็นเช่นกัน แต่เมื่อศาลมีมติและมีคำวินิจฉัยกลางออกมากลับพบว่ามีการยึดความเห็นของตุลาการเพียงท่านเดียวที่มีความเห็นว่านายทะเบียนฯ ยื่นเรื่องต้องศาลรัฐธรรมนูญเกินกรอบระยะเวลา 15 วันตามที่กฎหมายกำหนดมาเป็นประเด็นหลักในคำวินิจฉัยกลางซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ประกอบกับเพราะเหตุใดศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีการยกคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังเกษตรกรมาเป็นประเด็นเปรียบเทียบในการยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในขณะนั้นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังเกษตรกรโดยที่นายทะเบียนฯยังไม่ได้ทำความเห็นเช่นกัน ทำให้เป็นที่คลางแคลงใจของประชาชนเป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตรวจสอบข้อกฎหมายในกรณีที่จะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติยกคำร้องไปแล้วหรือไม่ นายพิชากล่าวว่า หากยึดหลักข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญที่ 50 จะเห็นว่าในคำวินิจฉัยกลางไม่ได้ระบุถึงข้อเท็จจริงของคดี แต่เป็นเพียงการระบุถึงขั้นตองการพิจารณาคดีเท่านั้น