xs
xsm
sm
md
lg

"อ.วีรพันธุ์" ยกเหตุหักล้าง เขมรโกหกจับคนไทยรุกล้ำ 1.2 ก.ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"อ.วีรพันธุ์" หักล้างจุดเขมรจับคนไทย ชี้เป็นไปไม่ได้ 20 นาที เดินผ่านทุ่งนาไกล 1.8 ก.ม. เผยกูเกิล ลากเส้นสันนิฐานแบ่งเขตตามแนวรั้วกั้นเขมรอพยพ เข้าทางกัมพูชาต่อยอดแผนที่ 1ต่อ2แสน อ้างพื้นที่เป็นของตน ด้าน"เทพมนตรี" จี้ "มาร์ค" เดินพิสูจน์เพื่อยุติข้อถกเถียง เผยเหตุทหารนิ่ง เพราะติดเอ็มโอยู 43 เตือนชาวสระแก้ว จะเสียพื้นที่มากกว่านี้หาก เจบีซี ผ่านสภา


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "คนในข่าว" 

รายการ “รายการ “คนในข่าว”ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันที่ 4 ม.ค. 2554 ตั้งแต่เวลา 20.30-22.00 น. โดยมีนายรัฐวุฒิ มิตรมาก รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้รับเกียรติจาก อาจารย์วีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์ อดีตคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ มาร่วมวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ว่า จุดที่คนไทยทั้ง 7 คน ถูกจับกุม เป็นพื้นที่ของใครกันแน่

นายรัฐวุฒิ พิธีกร เริ่มรายการด้วยการต่อสายโทรศัพท์สัมภาษณ์สด จ.ส.อ.ฤทธี เคยประสิทธิ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ กรณี 7 คนไทยถูกทหารเขมรจับตัวไป โดย จ.ส.อ.ฤทธี กล่าวว่า ที่ดินของตนมีเอกสารครอบครองการทำกิน และเสียภาษีที่ดินทุกปี แต่ไม่อาจเข้าไปทำมาหากินตามปกติได้ เนื่องจากมีทหารกัมพูชา ข่มขู่ไม่ให้ใช้พื่้นที่ทำกินอีกต่อไป จากนั้น จ.ส.อ.ฤทธี ได้เล่าถึงความเป็นมาของแนวหลักเขตแดน ว่า หลักเขตที่ 46 - 48 มีปัญหาสืบเนื่อง มาตั้งแต่ยุคกัมพูชาเกิดภัยสงคราม ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาอพยพเข้ามาขอพึ่งบารมีในประเทศไทย บริเวณบ้านหนองจาน บ้างอ่างศาลา และโนนหมากมุ่น ต่อมา ยูเอ็น ได้จัดสถานที่เป็นพื้นที่อพยพให้ กัมพูชา มาอยู่รวมกันที่บ้านหนองจาน บ้านอ่างศิลา ปรากฎว่ายังมีชาวบ้านและทหารกัมพูชา บางส่วนในขณะนั้น ไม่ย้ายไปอยู่ในที่จัดเป็นพื้นที่อพยพ ต่อมาสงครามสงบ ทหารพรานไทย ได้ขับไล่คนเขมรออกจากพื้นที่ เผอิญทหารพรานหมดภารกิจเสียก่อน ถูกย้ายออกจากพื้นที่ไปคลองหาด แล้วเอาตำรวจตระเวนชายแดนลงมาอยุู่แทน ไม่ได้รับการสานต่อ ส่งผลให้เป็นปัญหาจนถึงทุกวันนี้

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ช่าวบ้านที่ถูกบุกรุก ได้ไล่ชาวกัมพูชา ออกไปไม่ให้มาปลูกบ้านแถวนี้ แต่ทหารเขมรไม่ยอม อ้างต้องรอให้ชี้เขตแดนก่อน ต่อมาเมื่อปี 2543 ตนได้ร่วมกับชาวบ้านทำหนังสือยื่นให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รับทราบถึงปัญหาดังกล่าว แต่รัฐบาลได้นิ่งเฉย ตนจึงได้ไปปรึกษาคนในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในขณะนั้น เพื่อขอให้ยื่นเรื่องเข้าในสภา พล.อ.ชวลิต ออกมารับปากจะช่วย โดยการจ่ายค่าชดเชยให้ แต่ก็เหมือนเดิมเรื่องเงียบไม่ได้รับการช่วยเหลือ ต่อมาช่วงหลังได้ นายวีระ เข้ามาช่วยจนเรื่องปรากฎชัดเจนขึ้น สื่้อมวลชนทำข่าว จนเป็นที่สนใจของประชาชน ในขณะนี้

จากนั้น อ.วีรพันธุ์ ได้เปิดแผนที่จาก point asia ชี้ให้ดูจุดที่เป็นปัญหาถกเถียง บริเวณที่คนไทยถูกจับตัวไป เป็นเขตแดนของประเทศใด ว่า หลักเขตแดนที่ 46 - 48 เป็นจุดที่ยังตกลงกันไม่ได้ กัมพูชา ยึดแผนที่ 1ต่อ2แสน ทำให้มีการทับซ้อนแนวเขตแดนถึง 17 ตารางกิโลเมตร อย่างไรก็ดี พื้นที่ที่เถียงกันอยู่นี้ ตามแผนที่L7017ที่ไทยเคยยึดถือ ขณะนั้นยังไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดนหลักที่ 48,49 ซึ่งตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศษได้บอกวิธีการลากเส้นเขตแดนไว้ว่า หากเป็นพื้นที่ราบให้ใช้วิธีลากเส้นตรง ปรากฎว่าหลักเขตแดนสองหลักนี้ห่างกันกว่า 10 กิโลเมตร แล้วเส้นที่ลากก็มีลักษณะคดเคียว ส่วนหลักเขตที่ 43-45 มีการตกลงแบ่งเส้นเขตแดนกันชัดเจนแล้ว ขณะที่หลักเขต 46-48 ยังไม่ได้ตกลงกัน ซึ่งจะต้องมีการตกลงกันก่อน ต่อมามีแผนที่ฉบับใหม่ L7018 ทำให้หลักเขตที่ 43 - 48 หายไปจากแผนที่ เหลือเพียงหลักเขตที่ 49 ,50 ทำให้ กูเกิล ลากเส้นสันนิฐาน โดยขีดเส้นตามแนวรั้ว ที่ทหารไทยเคยไปกั้นไว้ไม่ให้เขมรอพยพรุกล้ำพื้นที่ไทยมากกว่านี้ เป็นเส้นแบ่งเขตแดน ตรงนี้ผิดหลักสากล แนวเขตรั้วไม่สามารถนำมาเป็นเส้นแบ่งเขตแดนได้

อ.วีรพันธุ์ กล่าวอธิบายต่อว่า พื้นที่ที่คนไทยถูกจับ กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินเลยที่ดินของชาวบ้านที่เรียกร้องให้มาพิสูจน์ว่าทหารเขมรเข้ายึดครอง เข้าไปถึงปากทางหมู่บ้านที่มีชุมชนเขมรตั้งอยู่ ด้วยเหตุนี้ทำให้กัมพูชา แอบอ้างว่าคนไทยรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่เขมร 1.2 กิโลเมตร แล้วกระทรวงต่างประเทศของไทย ก็ดันเห็นคล้อยตามกัมพูชาด้วย ต่อมามีการจับผิดพิกัดที่คนไทยถูกจับกุม ปรากฎว่ารุกล้ำพื่้นที่ ที่เขมรแอบอ้างเพียง 500 เมตร และจากถนนศรีเพ็ญ หากขีดเป็นเส้นตรงไปยังจุดที่กล่าวอ้างว่าถูกจับกุม มีความห่าง 1.8 กิโลเมตร เมื่อนำมาวิเคราะห์จากคลิป มีความยาว 20 นาที ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ จะเดินด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งนา ต้องเดินลัดเลาะ ได้ไกลถึง 1.8 กิโลเมตร

"แนะนำชาวไทยที่ร่วมกันต่อสู้ทวงคืนอธิปไตย หากเราไปเดินสำรวจพื้นที่ แนะนำให้นำโทรศัพท์ที่มีระบบ จีพีเอส ติดตัวไปด้วย หากเราต้องการยืนยันพื้นที่ตรงไหน ให้เปิดจีพีเอส แล้ววางให้รู้ว่าทิศเหนือทิศใต้อยู่ตรงไหน จากนั้นให้ถ่ายภาพเก็บไว้ หรือถ้าหากมีกล้องสัก 3 ตัว ไปด้วยจะยิ่งดี ให้ถ่ายยืนคนละมุมลักษณะสามเหลี่ยม เพื่อจะได้เห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบว่าใครอยู่ตรงไหน สิ่งนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดี " อ.วีรพันธุ์ กล่าว

อ.วีรพันธุ์ กล่าวว่าการตรวจสอบเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ ศักดิ์ศรีประเทศชาติ ศักดิ์ศรีของผู้ที่ถูกจับ ที่มีสิทธิ์์ดินบนแผนดินไทยคงอยู่อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ไม่ช้านักข่าวต่างประเทศ ต้องเข้าถึงตัวผู้ที่ถูกจับ แล้วความจริงจะปรากฎออกมา ว่า ฝ่ายเขมรทำอะไรผิดผลาดที่จับคนไทย อย่ามองว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่เล็กๆ หากวันนี้ปล่อยให้เขมรเหิมเกริม ต่อไปจะส่งผลกระทบลุกลามออกไปอีกมากมาย

นายเทพมนตรี กล่าวว่าพื้นที่ที่เป็นปัญหากันอยู่นี้ ถูกทหารเขมรรุกล้ำมานานแล้ว แต่ขับไล่ออกไปไม่ได้ เพราะติด เอ็มโอยู 43 และเจบีซี ที่จะต้องทำการสำรวจและจัดทำเขตแดนทางบกให้แน่ชัดเสียก่อน คำว่าสำรวจ หมายถึงสำรวจหลักเขตแดนที่ 1-73 ซึ่งเคยปักหลักไว้เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ทำให้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากก่อนหน้ามีช่วงสงครามย่อมมีบางหลัก เสียหาย หรือถูกย้าย ทั้งนี้ปกติไทยยึดแผนที่ L7017 ส่วนเขมรยึดตามแผนที่ L7016 ปกติแผนที่สองฉบับนี้มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งหนักไปกว่านั้น เอ็มโอยู 43 พ่นพิษทำให้เขมรยึดตามแผนที่ 1ต่อ2 แสน แล้วจัดการนำคนกัมพูชา มาอยู่หน้าหลักเขตแดนที่ 46 ซึ่งไทยถือว่ารุกล้ำเข้ามาในเขตไทย

ทั้งนี้ พิกัดหลักเขตที่ 46 กองกำลังบูรพาเคยรายงานไปแล้ว ว่า อยู่ที่พิกัด TA536236 ช่วงทางเข้าจุดตรวจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 49 มองเห็นได้จากถนนศรีเพ็ญ วัดจากถนนศรีเพ็ญ ลากเส้นตรงไปหลักเขตที่ 46 ระยะห่าง 520 เมตร ตรงนี้แสดงให้เห็น ว่าหากคนไทยที่ถูกจับ เดินตามทาง ที่ย่อมมีคดเคี้ยว จากระยะทางประกอบกับช่วงเวลา ยังไม่ไปถึงหลักที่ 46 แน่นอน จากนั้นในช่วงสนธนา มีคนในพื้นที่เกิดปัญหาส่งข้อความเข้ามาบอกว่า มีผู้มีอิทธิพล แอบมาย้ายหลักเขตแดนที่ 45 เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เขมร นายเทพมนตรี กล่าวว่า หลักเขตถูกย้ายได้ง่าย เนื่องจากเป็นแท่งปูนปักอยู่ไม่ได้ถูกฝังให้ลึกถึงขั้นย้ายไม่ได้ หากจะพิสูจน์ ต้องกลับไปดูโครงร่างแผนที่ มาตรา 1ต่อ2 หมื่น แล้วมาเปรียบเทียบว่ามันคลาดเคลื่อนไปหรือไม่

นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่าเราไม่ควรปล่อยให้มีกองกำลังต่างประเทศ มาอยู่ในเนวที่เรายึดถือว่าเป็นเส้นแขตแดนของเรา ทั้ง 73 หลัก ที่ผ่านมาเราเคยปักหลักตามสนธิสัญญาร่วมระหว่างไทย-ฝรั่งเศส แล้วกัมพูชาก็มาใช้สนธิสัญญาฉบับนี้ ดังนั้น หากเห็นว่ากัมพูชารุกล้ำพื้นที่ เราก็ต้องกลับไปจุดเริ่มต้น ถ้ารัฐบาลทำได้ ปัญหาทุกอย่างจะยุติ อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่าปัญหาใหญ่ของเราคือ ปราสาทเขาพระวิหาร นายกฯพูดตอนเป็นฝ่ายค้าน ข้อสงวนเอาไว้ต้องทวงสิทธิคืนให้ได้ในอนาคต ตอนนี้ท่านเป็นนายกฯ แล้วใช้ข้อสงวนได้แล้ว ท่านเป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ควรกล้าหาญได้แล้ว

นายเทพมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ในคลิป เจอคนกัมพูชา ไม่ได้หมายความว่าเป็นดินแดนกัมพูชา ต้องเดินเข้าไปพิสูจน์จริงๆ นายกฯ จะเดินสำรวจหลักเขตแดนที่เป็นปัญหานี้ได้หรือไม่ เพื่อชี้แจงให้เห็นข้อเท็จจริง ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ว่า คนไทยอยู่ตามพิกัดดินแดนไทย แล้วให้กระทรวงต่างประเทศแถลงให้ทูตต่างประเทศเข้าใจ ตนเชื่อว่าชาวบ้านคงไม่ไปโกงที่ดินทหารเขมรที่ถือปืนอาก้าอยู่แน่นอน ในการนี้ นายเทพมนตรี ได้ฝากข้อคิดถึงพี่น้อง จ.สระแก้ว โดยเฉพาะตามตะเข็บชายแดนที่ออกมาต่อต้านการทวงคืนอธิปไตย ว่า หากเจบีซี ผ่านสภาตกลงใช้แผนที่ 1ต่อ2 แสน จะเสียดินแดนกินพื้นที่ จ.สระแก้ว มากกว่านี้
อาจารย์วีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม
นายรัฐวุฒิ มิตรมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น