อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ยัน รัฐยุบสภา 3 เดือน เหมาะสถานการณ์สุดๆ อ้างเหตุส่อรุนแรง หวั่นรอ 9 เดือน คงไม่ทัน ค้านทำประชามติ แนะแก้รัฐธรรมนูญประเด็นเดียว แค่เรื่องเขตเลือกตั้ง หางโผล่!! บอกมาตราที่เหลือรอรัฐบาลใหม่จัดการ หนุนเจรจาลับๆ ค่อยคุยกัน
วันนี้ (31 มี.ค.) นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และอาจารย์ประจำคณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงจุดยืนในฐานะเป็น 1 ในนักวิชาการที่ยื่นข้อเสนอยุบสภาภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่รัฐบาล และ นปช.ว่า ข้อเสนอยุบสภาน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ในขณะนี้ เนื่องจากมีการชุมนุมกดดันของกลุ่มคนเสื้อแดง และอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากรอให้มีการทำประชามติ และแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภาภายในระยะเวลา 9 เดือนตามข้อเสนอของรัฐบาลอาจแก้ปัญหาไม่ทันการณ์
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การทำประชามติมีประเด็นที่จะต้องสอบถามเยอะมากกว่า 6 ประเด็นตามข้อสรุปของกรรมการสมานฉันท์ฯ ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่า ไม่ควรจะมีการทำประชามติ เนื่องจากต้องใช้เวลามาก และมีประเด็นที่จะต้องสอบถามจำนวนมาก แต่ควรจะแก้รัฐธรรมนูญเพียงประเด็นเดียว คือ เรื่องเขตเลือกตั้ง เพื่อให้นักการเมืองแต่ละฝ่ายยอมรับ เพราะที่ผ่านมาในรัฐบาลเองก็มีปัญหาในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จากนั้นให้มีการยุบสภาเพื่อลดความขัดแย้ง และให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำการแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง ไม่เกรงว่า จะเป็นปัจจัยเร่งให้กลุ่มพันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือ นายสมชาย กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้นักการเมืองทุกฝ่ายยอมรับในกติกาเบื้องต้นร่วมกัน แต่จะไม่มีการแก้เรื่องการนิรโทษกรรม หรือประเด็นอื่นๆ ที่จะเป็นประเด็นขัดแย้ง จึงคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย ซึ่งถ้าไม่แก้เรื่องเขตเลือกตั้งก็จะยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ส่วนข้อเสนอที่น่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง 3 เดือนกับ 6 เดือนนั้น นายสมชาย กล่าวว่า หากปล่อยให้การชุมนุมให้ยืดเยื้อออกไปก็จะเกิดผลกระทบกับประเทศชาติ เราจึงคิดว่า ระยะเวลา 3 เดือนน่าจะเพียงพอแล้วในการแก้ไขกติกา และแก้ไขความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งถ้ารวมระยะเวลาที่รัฐบาลรักษาการอีกประมาณ 2 เดือนก็จะเท่ากับ 5 เดือน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับข้อเสนอที่อยู่ตรงกลาง คือ 6 เดือน
เมื่อถามว่า รัฐบาล กับ นปช.ควรเจรจากันอีกหรือไม่ และควรจะเจรจากันแบบเปิดหรือปิด นายสมชาย กล่าวว่า การเจรจากันเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาควรขัดแย้ง ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับการเจรจาอยู่แล้ว ส่วนจะเจรจาแบบเปิดหรือปิดก็ได้ทั้งนั้น แต่การเจรจาแบบเปิดอาจจะมีปัญหาบ้างในเรื่องของหน้าตา ซึ่งยอมกันไม่ได้ ดังนั้น อาจต้องมีคุยกันในทางปิดเพื่อวางกรอบก่อนค่อยมาเจรจาทางเปิด
วันนี้ (31 มี.ค.) นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และอาจารย์ประจำคณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงจุดยืนในฐานะเป็น 1 ในนักวิชาการที่ยื่นข้อเสนอยุบสภาภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่รัฐบาล และ นปช.ว่า ข้อเสนอยุบสภาน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ในขณะนี้ เนื่องจากมีการชุมนุมกดดันของกลุ่มคนเสื้อแดง และอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากรอให้มีการทำประชามติ และแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภาภายในระยะเวลา 9 เดือนตามข้อเสนอของรัฐบาลอาจแก้ปัญหาไม่ทันการณ์
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การทำประชามติมีประเด็นที่จะต้องสอบถามเยอะมากกว่า 6 ประเด็นตามข้อสรุปของกรรมการสมานฉันท์ฯ ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่า ไม่ควรจะมีการทำประชามติ เนื่องจากต้องใช้เวลามาก และมีประเด็นที่จะต้องสอบถามจำนวนมาก แต่ควรจะแก้รัฐธรรมนูญเพียงประเด็นเดียว คือ เรื่องเขตเลือกตั้ง เพื่อให้นักการเมืองแต่ละฝ่ายยอมรับ เพราะที่ผ่านมาในรัฐบาลเองก็มีปัญหาในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จากนั้นให้มีการยุบสภาเพื่อลดความขัดแย้ง และให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำการแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง ไม่เกรงว่า จะเป็นปัจจัยเร่งให้กลุ่มพันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือ นายสมชาย กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้นักการเมืองทุกฝ่ายยอมรับในกติกาเบื้องต้นร่วมกัน แต่จะไม่มีการแก้เรื่องการนิรโทษกรรม หรือประเด็นอื่นๆ ที่จะเป็นประเด็นขัดแย้ง จึงคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย ซึ่งถ้าไม่แก้เรื่องเขตเลือกตั้งก็จะยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ส่วนข้อเสนอที่น่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง 3 เดือนกับ 6 เดือนนั้น นายสมชาย กล่าวว่า หากปล่อยให้การชุมนุมให้ยืดเยื้อออกไปก็จะเกิดผลกระทบกับประเทศชาติ เราจึงคิดว่า ระยะเวลา 3 เดือนน่าจะเพียงพอแล้วในการแก้ไขกติกา และแก้ไขความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่งถ้ารวมระยะเวลาที่รัฐบาลรักษาการอีกประมาณ 2 เดือนก็จะเท่ากับ 5 เดือน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับข้อเสนอที่อยู่ตรงกลาง คือ 6 เดือน
เมื่อถามว่า รัฐบาล กับ นปช.ควรเจรจากันอีกหรือไม่ และควรจะเจรจากันแบบเปิดหรือปิด นายสมชาย กล่าวว่า การเจรจากันเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาควรขัดแย้ง ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับการเจรจาอยู่แล้ว ส่วนจะเจรจาแบบเปิดหรือปิดก็ได้ทั้งนั้น แต่การเจรจาแบบเปิดอาจจะมีปัญหาบ้างในเรื่องของหน้าตา ซึ่งยอมกันไม่ได้ ดังนั้น อาจต้องมีคุยกันในทางปิดเพื่อวางกรอบก่อนค่อยมาเจรจาทางเปิด