นายกฯ ยอมรับมีคนฉกฉวยสร้างสถานการณ์ ระบุ มีตัวกลางเสนอเป็นคนเปิดเจรจา เพื่อหาทางออกของประเทศ ย้ำ ไม่ยุบสภาก่อนเด็ดขาด เตือนเสื้อแดงหากไปปิดล้อมไอพียู ถือเป็นความพ่ายแพ้ของประเทศชาติ ยันไม่มีแผนล้อมปราบเวทีคนเสื้อแดง สอนมวยอย่าบิดเบือนอ้างปฏิวัติเงียบ ชี้ ทหาร-ตร.ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ เพื่อให้ฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ เดินหน้าต่อไปได้
วันนี้ (26 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางโดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ BLACK HAWK เดินทางไปยังหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่เปิดเผยจุดที่จะเคลื่อนไหวในการชุมนุมใหญ่วันเสาร์ที่ 27 มี.ค.นี้ ว่า ตนก็เป็นห่วง แต่เรายังไม่ทราบจริงๆ ว่า แนวทางเขาเป็นอย่างไร เพราะมีการแถลง และเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นบางครั้ง บอกว่า จะมีการเคลื่อน แต่ตอนนี้ก็มารวมที่สะพานผ่านฟ้าฯ เราอยากให้เป็นลักษณะซึ่งเหมือนในอดีต จะดำเนินการอะไรให้แจ้งเพื่อประโยชน์ในการดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุนมด้วย และในแง่ของการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนสามารถที่จะวางแผนการเดินทางได้
เมื่อถามว่า ทางออกของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เหมือนตอนนี้รัฐบาลตั้งรับอยู่ในกองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เพียงอย่างเดียว ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องตั้งรับ เราไม่ได้มีเป้าหมายในการไปบุกหรือสลายอะไร แต่เรากำลังดำเนินการไปโดยลำดับ เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการประชุม ครม.ประชุมสภา เพื่อให้งานมันเดินต่อ ขณะเดียวกัน ก็ระมัดระวังในเรื่องการดำเนินการใดๆ ก็ตาม แม้ภาพรวมการชุมนุมที่ผ่านฟ้าจะเรียบร้อย ทุกวันยังมีเหตุการณ์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบิด หรือเรื่องอื่นๆ ยังมีความอ่อนไหวในสถานการณ์ รัฐบาลก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ตนตระหนักดีว่า ประชาชนจำนวนมากที่เดือดร้อนก็เหมือนเรียกร้องที่จะให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด แต่อยากทำความเข้าใจว่า เป้าหมายสุดท้ายของรัฐบาล ก็คือ ความสงบสุข ฉะนั้น ทุกอย่างต้องมีความรัดกุม ระมัดระวังพอสมควร เพราะว่าเหตุการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีหลายจุดที่บ่งบอกว่า มันมีคนฉกฉวยสถานการณ์ในการสร้างความรุนแรงอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเจรจาหรือไม่ เพราะเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอเงินคืน 3 หมื่นล้าน แล้วจะมีการเจรจา ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเจรจากับนายกฯ เท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้อนว่า เหรอครับ ตนนึกว่าเป็นเรื่องยุบสภา ทำไมกลายเป็นเรื่อง 3 หมื่นล้าน ไปได้
“นี่คือปัญหาไงครับ ที่ผมพูดมาตั้งแต่ต้นว่า ในที่สุดข้อเรียกร้องที่บอกว่า เป็นข้อเรียกร้องเดียวหรือข้อเรียกร้องสุดท้ายมันจริงหรือไม่ อย่างท่าน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่านไม่พูดถึงว่า จะเจรจากับผม ท่านก็เลยไปอีก แต่ในกรอบที่เป็นจุดยืนรัฐบาลก็คือ ถ้าทุกอย่างจบลงในเรื่องการยุบสภาแล้วจะมาพูดคุยกันว่า จะเดินไปสู่การยุบสภาอย่างไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ทุกอย่างจบลงก็คุยกันได้ อันนี้ก็เป็นข้อเสนอเหมือนเดิม ซึ่งผมได้ทราบจาก นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า ยังมีหลายฝ่ายที่พยายามทำหน้าที่ เป็นตัวกลางติดต่อกันไปมาก็ยังมีการติดต่อกันอยู่” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าตกลงกันได้ในเรื่องของการยุบสภา นายกฯจะไปคุยเองใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าคุยกันได้และเรื่องทั้งหลายจบหมด ตนก็ยินดี แต่นี่คือ สิ่งที่ต้องมีการพูดคุย ปูทางไป เป็นเรื่องปกติเวลาที่พูดถึงการเจรจา ถ้าเราเริ่มต้นด้วยการที่ว่าเราต้องการสิ่งนี้ นั่นไม่ได้เรียกว่า การเจรจา หรือการระบุว่าต้องไปเจรจาที่สถานที่นั้น บุคคลต้องเป็นอย่างนี้ หรือต้องเสร็จภายในวันนั้น วันนี้ ส่วนใหญ่จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ถ้ามีความจริงใจในการเจรจา ก็ต้องเริ่มจากการส่งตัวแทนมาพูดคุย เพื่อปูทางไปสู่กรอบการเจรจา ถ้าว่ากันด้วยเหตุด้วยผล รัฐบาลก็รับฟังอยู่แล้ว อย่างที่ตนย้ำมาตลอดว่าหลายเรื่องที่ผู้ชุมนุมทำอยู่ ตนก็เห็นว่าไม่เหมาะสม แต่หลายประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาในการชุมนุม ก็เป็นเหตุ เป็นผลที่รัฐบาลต้องรับฟัง
เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภาแล้วขั้นตอนต่อไปของนายกฯคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้น ก่อนที่จะยุบสภา ก็ต้องทำให้เกิดความมั่นใจกันก่อนว่า ระหว่างที่มีการเลือกตั้งจะไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวาย และต้องมีการแสดงออกว่าจะมีการรับผิดชอบอย่างไร เพราะฉะนั้นก็ต้องมีวิธีการที่จะมาพูดคุยกัน
“ถ้ามายื่นเงื่อนไขว่ายุบสภาก่อนแล้วค่อยมาคุย อย่างนี้ไม่ต้องมาคุยหรอกครับ เพราะถ้ายุบสภาแล้วก็ไม่รู้จะคุยอะไร”
เมื่อถามว่า นายกฯเคยบอกว่า สัปดาห์นี้เหตุการณ์น่าจะกลับคืนสู่ปกติแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกับสภาก็มีการประชุมไปแล้ว จากสัปดาห์ที่แล้วที่สภาประชุมไม่ได้ ตอนนี้ก็ทำไปตามลำดับ แต่ก็ต้องใช้เวลาบ้างเพราะสถานการณ์มีความละเอียดอ่อน และรัฐบาลไม่ต้องการให้ฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงฉกฉวยสถานการณ์ ตนเห็นใจประชาชนที่ยังเดือดร้อนอยู่ แต่ก็อยากให้เข้าใจว่าถ้าไม่ระมัดระวัง แทนที่จะได้ความสงบสุข ความเป็นปกติกลับคืนมา อาจจะทำให้เหตุการณ์บานปลายได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่า รัฐบาลจะอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่าขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอด และงานรัฐบาลก็เดินหน้าอยู่ ก็จะทำให้การทำงานกลับไปสู่ปกติมากขึ้นตามลำดับ เมื่อถามว่าการเดินหน้างานของรัฐบาลต้องอยู่ภายใต้การดูแลของตำรวจ ทหาร ภาพที่ออกไปไม่ค่อยดี นายกฯ กล่าวว่า ทหาร ตำรวจ มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ความมั่นคงอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำเกินเลยอำนาจ เขาเอาอำนาจหน้าที่ของเขามาทำให้งานของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญสามารถทำงานได้ ดังนั้นจะตรงกันข้ามเลยที่เขาบอกว่าเป็นการปฏิวัติ นั่นคือ เขายึดอำนาจของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ แต่ขณะนี้เขาทำหน้าที่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ทำงานได้ตามปกติไม่ถูกขัดขวางโดยกลุ่มคน
เมื่อถามว่า การที่เดินทางไปต่างประเทศ แสดงว่า มั่นใจในสถานการณ์มากขึ้นแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ถ้าสถานการณ์อยู่ในระดับนี้ก็น่าจะเดินทางไปได้ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์วันเสาร์-อาทิตย์นี้ เมื่อถามว่าหมายถึงว่าถ้าวันเสาร์เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น นายกฯก็ต้องประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งานเรื่องต่างประเทศเยอะ มีเรื่องการเดินทางและการที่ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมผู้นำลุ่มแม่น้ำโขง ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตนก็ต้องไปดู เพราะอาจจะต้องเสนอที่ประชุม ครม.ในการประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคง เมื่อถามว่า จะประกาศตั้งแต่เริ่มประชุมหรือก่อนการประชุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้จะลงไปดูพื้นที่กับ นายสุเทพ ถึงความจำเป็นและการเตรียมการ หลังจากนั้นเสร็จแล้วตนก็ต้องไปประชุมผู้นำอาเซียน และประชุมผู้นำที่สหรัฐอเมริกา
เมื่อถามว่า หากการชุมนุมยืดเยื้อจะส่งผลต่องานต่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ต้องดูแล และก็ต้องขอบคุณผู้ชุมนุมที่บอกว่าในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (ไอพียู)ครั้งที่ 122 จะไม่ไปดำเนินการอะไรที่ทำให้การเป็นเจ้าภาพของเรากระทบกระเทือน นอกจากนี้ทางสภาได้มีการประสานมาตรการต่างๆ ในการดูแลความปลอดภัย โดยมีการประสานงานระหว่างตำรวจ ทหารกับสภาประสานกันอยู่ เมื่อถามว่า ขณะการก่อวินาศกรรมยังเกิดเหตุรายวันจะกระทบกับการเป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่ๆหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้จะเห็นว่าในการประชุมไอพียูมีประเทศเข้าร่วม 120 กว่าประเทศ แสดงให้เห็นว่า เขายังมองว่า เราสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งการประชุมไอพียูเป็นการประชุมที่มีความหมายสำหรับทุกประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภา ระบอบประชาธิปไตย ตนเคยคุยกับผู้จัดเขาไว้ เขาก็สนับสนุนการที่ประเทศไทย สภาไทยเป็นเจ้าภาพได้
เมื่อถามว่า การที่เสื้อแดงบอกว่าจะประกาศชัยชนะ 27 มี.ค.เป็นการส่งสัญญาณจะล้มการประชุมไอพียู เหมือนล้มประชุมอาเซียนที่พัทยา หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่หรอกครับถ้าเขาล้มประชุม คงเป็นความพ่ายแพ้ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย เพราะนั่นคือจุดศูนย์รวมของระบอบประชาธิปไตย เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เขาขู่จะปิดแยกราชประสงค์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ รัฐบาลไม่มีแนวคิดสลายการชุมนุม ที่เวทีผ่านฟ้าของเขาอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีแต่คำพูดว่าถ้าเป็นอย่างนู้น เป็นอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการลอบวางระเบิดหลายจุด นายกฯ กล่าวว่า สถานที่ที่เกิดขึ้นระเบิดก็อยู่ตามที่คาดการณ์ไว้แล้ว โดยเฉพาะสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม เมื่อถามต่อว่า เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้บ่อยๆ ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจะลดลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ต้องพยายามทำมากขึ้น เพราะคนป้องกันก็ไม่ใช่ง่ายที่จะดูแลได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คิดว่า ประชาชนจะมีความเข้าใจว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร ตนก็รู้ว่า หลายฝ่ายอึดอัด แต่ก็ต้องอดทน อดกลั้น เมื่อถามว่า ได้สอบถามในที่ประชุม ศอ.รส.หรือไม่ว่า ทำไมช่วงนี้อาวุธถึงได้เยอะ มีทั้ง M67 กับ M79 นายกฯ กล่าวว่า ก็นั่นนะซิ