"ยะใส" แฉ กลลวงเสื้อแดง พ่ายยกแรก จำใจเดินเกมก๊อกสอง เชื่อ สับรางรุก เคลื่อนไหวหนักทั้งในสภา-นอกสภา หวังป่วนเมือง-ยิงบึ้มขู่ สร้างสถานการณ์รัฐคุมไม่อยู่ ด้าน "ชินวรณ์" ย้ำ เงื่อนไขเสื้อแดงแม้ปาฏิหาริย์ยังไม่มีทางช่วยสำเร็จ หลังได้คืบเอาศอก ต่อรองยืนประโยชน์ "แม้ว"
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
วันนี้ (24 มี.ค.) รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะตัวแทนที่จะไปเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงให้ยุติการชุมนุมและนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ
นายชินวรณ์ กล่าวเปิดประเด็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า การเคลื่อนไหว 2 ฝ่าย นับว่าเป็นห่วง ทั้งการเคลื่อนไหวในและนอกสภาที่กระทำการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนมั่นใจว่าทางรัฐบาลจะใช้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงมีแผนจะปิดล้อมหน้ารัฐสภา แล้ววางแผนให้รัฐบาลสลายการชุมนุมเหมือนครั้งพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาฯ 2551 โดยประเด็นนี้ตนเห็นว่า คงจะไม่ได้ที่ขวางไม่ให้รัฐบาลเข้าไปทำหน้าที่ในสภา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ เนื่องจากข้อเสนอต่างๆของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีความชอบธรรม และไม่ชัดเจน เป็นการต่อสู้ทางการเมืองแบบนอกสภาที่ใช้การชุมนุมขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมือง แต่ปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ยอมรับเงื่อนไขตามกระบวนการยุติธรรม อีกทั้ง ยังชอบสร้างวาทกรรมว่าตัวเองโดนกลั่นแกล้ง กระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน
นายสุริยะใส กล่าวประเด็นเดียวกันว่า ตอนนี้ตนคิดว่ารัฐบาลมีการไหวตัว ไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเลียนแบบเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลไม่มีทางที่จะใช้การยิงแก๊สน้ำตา โดยถ้าหากมีการสั่งสลายการชุมนุมจริง ก็คงเป็นการวางมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมในการป้องกันเหตุลอบยิงอาวุธสงครามมากกว่า
นายชินวรณ์ กล่าวถึงเงื่อนไขการยุบสภาที่แกนนำคนเสื้อแดงเสนอว่า ความจริงแล้วทางออกเราควรใช้กลไกทางประชาธิปไตยมาแก้ปัญหา โดยเงื่อนไขของฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดง ที่ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ซึ่งสอดคล้องกับนายพายัพ ชินวัตร และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่ออกมาสร้างเงื่อนไขอื่นๆอีก ในประเด็นนี้ตนเห็นว่า หากอยากเจรจาจริง คงไม่มีการยื่นข้อเรียกร้องที่รัฐบาลไม่สามารถกระทำได้ ดังนั้น มันชัดเจนอยู่แล้วว่า เป้าหมายในเงื่อนไขมันมากกว่าการยุบสภา ทั้งที่รัฐบาลให้สิทธิ์ผู้ชุมนุมแสดงออกทางการเมืองอย่างเต็มที่ แต่อีกฝ่ายกลับมาเรียกร้องอะไรที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเอง ในขณะที่คนส่วนรวมไม่ได้ประโยชน์ แบบนี้ทางแกนนำคนเสื้อแดงควรจะต้องทบทวนจุดยืนตัวเอง
นายสุริยะใส กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นบุคคลที่โจมตีกระบวนการยุติธรรม หลังจากถูกตัดสินคดีแล้วยึดทรัพย์บางส่วน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ปลุกระดมผู้คนด้วยวาทกรรมชนชั้น ทั้งที่ปัญหาทั้งหมดเกิดมาจากตัวเอง ตนคิดว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดอาจมีส่วนถูกบ้าง เช่นนี้แล้วเรียกว่าถูกที่แต่ผิดทาง คือ ข้อเท็จจริงบางเสี้ยวอาจจะจริงแต่ยุทธวิธีในการใช้มันไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการปลุกกระแสสันติวิธีมันดูขัดหูขัดตา เนื่องจากบนเวทีชุมนุมตลอด 24 ชม. มีแต่การใช้ถ้อยคำรุนแรง ด่านายกรัฐมนตรี ด่าผู้ใหญ่บ้านเมือง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นสารพัด ตนคิดว่าเป็นใช้ความรุนแรงมากกว่าการตีกัน แบบนี้เรียกกลลวงที่อาจจะไปไกลมากกว่าการชุมนุมแบบแตกหัก บอกจะชนะ 3 วัน 7 วัน แต่ผู้ชุมนุมไม่รู้ว่าจะชนะเมื่อไหร่ ดังนั้น สันติวิธีของคนเสื้อแดงเกิดขึ้นแค่ในเชิงรูปแบบ แต่วิธีการมันไม่ใช่ ตนคิดว่าเป็นเพียงการสับรางของการต่อสู้
นายสุริยะใส กล่าวถึงเหตุระเบิดรายวันว่า เป็นระเบิดทางการเมือง ที่ต้องการข่มขู่โดยไม่ได้หมายเอาชีวิตใคร แต่ต้องการทำให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตประชาชนได้
นายชินวรณ์ กล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมาจากชนวนทางการเมือง ดังนั้น เห็นได้ชัดเจนว่า การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่มีเอกภาพ ส่งผลให้คนบางกลุ่มที่อาจจะเรียกร้องสันติวิธี หรือบางกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรง และบางกลุ่มที่ต้องการสร้างรัฐไทยใหม่ แต่ทั้งหมดถือเป็นผลเสียกับประเทศ ซึ่งทางรัฐบาลได้วางมาตรการดูแลความปลอดภัยตามสถานที่ราชการ หรือแม้แต่ในที่ชุมนุมคนเสื้อแดง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ไม่ได้เข้าไปดูแลชีวิตผู้ชุมนุม
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะแพ้หรือชนะก็ล้วนแล้วแต่สร้างบาดแผลให้แก่ผู้คนในสังคมไทย ที่นักการเมืองใช้วาทกรรมแบ่งแยกคน ทั้งที่เป็นการชุมนุมที่ไม่มีข้อสรุปในการเคลื่อนไหว ตนอยากฝากบอกแกนนำคนเสื้อแดงว่าอย่าเอาประชาชนไปสร้างกระแสป่วน
นายสุริยะใส กล่าวถึงการต่อสู้คนเสื้อแดงว่า ตอนนี้มันถึงทางที่แกนนำคนเสื้อแดงต้องยกระดับการต่อสู้ เพราะวิธีเดิมมันสิ้นสุดทางแล้ว ไม่สามารถไปต่อได้แล้ว ดังนั้น ต้องหายุทธวิธีสับรางใหม่ โดยอาจมีการสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงมากขึ้น ตนคิดว่าการชี้เป็นชี้ตายว่าการชุมนุมครั้งนี้จะชนะหรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่เวทีผ่านฟ้าอีกต่อไป โดยจะชนะหรือไม่จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.นี้
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าเหตุผลที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ยุบสภา สังคมส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่ความจำเป็นที่รัฐบาลต้องอยู่ต่อคืออะไร ทุกอย่างต้องชัดเจน รัฐบาลควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยอาจประกาศวาระประเทศ ตนเชื่อว่าหากทำเช่นนั้น พลังการชุมนุมจะลดน้อยลงเรื่อยๆ
นายชินวรณ์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า เป็นการหาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องการล้มคดี ส่วนทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ได้เคลื่อนไหว เป็นที่รู้จัก เหมือนหาเสียงเลือกตั้งไปล่วงหน้า แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ให้แก่ประเทศ เป็นแค่ผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง
