รัฐบาล-ไพร่แดง ใครจะติดกับดัก?

แนวทางการเจรจาดูจะไม่เป็นผลเมื่อ “พายัพ ชินวัตร” โดดออกมาเป็นตัวกลางประสานให้ “ทักษิณ ชินวัตร”เจรจากับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี

พร้อมยื่นเงื่อนไขในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ “ต้องไม่จับพี่ชายเข้าคุก”

เข้าทางรัฐบาลที่ลึกๆไม่ได้อยากเจรจาความใดๆกับบุคคลที่มองเป็นนักโทษหนีคดี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เคยพูดบ่อยๆ ก่อนหน้านี้ว่าหากจะคุยก็ต้องยอมมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทยก่อน

นั่นหมายถึงจองจำในซังเต...!!!

ที่สุดแนวทางการเจรจากลายเป็นหนทางที่ปิดตาย กดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคิดแผนการและสั่งการให้บริวารป่วนเมืองต่อไป

วางยุทธศาสตร์ซับซ้อน แยกกันตี หลายชั้น...!!!

ยุทธศาสตร์แรกให้แกนนำสามเกลอนำมวลชนเคลื่อนไหวในแนวทางสันติ อหิงสา เรียกร้องประชาธิปไตยแบบพิสดาร

ขณะที่ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะประธานพรรคเพื่อไทย เดินสายยุทธศาสตร์เจรจา โน้มน้าว หลอกล่อ พรรคร่วมรัฐบาล หวังเปลี่ยนขั้วหนุนยุบสภาฯ

นี่ยังไม่พูดถึงยุทธศาสตร์ใต้ดินที่มี “เสธแดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พร้อมปฏิบัติการณ์สนองความต้องการนายใหญ่ นายหญิง...!!!

การประชุม ครม. ที่รัฐบาลเลือกใช้สถานที่ราชการ นอกเขตพื้นที่ทหาร ซึ่งเป็นไปด้วยความราบรื่น แม้จะมีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 พุ่งเข้าไป ตกระเบิดที่กรมสุขภาพจิต ภายในกระทรวงสาธารณสุข คล้อยหลังที่ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เดินทางออกไปหมดแล้วนั้น

มันส่งสัญญาณให้รัฐบาลต้องย้อนคิดว่า การรุกช่วงชิงพื้นที่ทำงานด้านการบริหารประเทศตามแผนที่ตั้งใจไว้ในวันต่อๆไปคงไม่ราบรื่น

หากรัฐบาลย่ามใจเพียงเพราะเห็นว่าการประชุม ครม.ที่กระทรวงสาธารณสุขผ่านพ้นไปด้วยดี

ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะยกโขยงรัฐมนตรีและ ส.ส.ในซีกของรัฐบาลเข้าร่วมประชุมสภาฯในวันพุทธที่ 24 และวันพฤหัสที่ 25 มีนาคมนี้ ทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ หรือ ศอ.รส. คงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ

หากจะยืนยันให้นายกรัฐมนตรีนำขบวนรัฐมนตรีและส.ส.ซีกรัฐบาลเข้าร่วมประชุมสภา เพียงเพื่อหวังช่วงชิงทวงพื้นที่การทำงานกลับคืนตามยุทธศาสตร์รุกคืบ

เพราะเชื่อเหลือเกินว่า ไพร่แดงที่หลงเหลือปักหลักอยู่ ณ สะพานผ่านฟ้า จะต้องพยายามยกโขยงมาต้อนรับด้วยเช่นกัน เพื่อแสดงสัญลักษณ์การต่อสู้ เหตุเพราะชัยภูมิอยู่ใกล้กันนิดเดียว และทันทีที่แกนนำไพร่แดงขึ้นเวทีประกาศเคลื่อนขบวน เวลาเพียง 10 นาที ถนนบริเวณหน้ารัฐสภาคงแดงเถือก

แม้จะต้องฝ่าด่านทหาร ตำรวจหลายพันนาย ที่ตั้งกำแพงไว้หลายด่าน รวมถึงการปิดถนนวงกว้างรอบรั้วอาคารรัฐสภาฯ

และคงต้องรอดูว่ายุทธวิธีการปิดถนนวงกว้างรอบรั้วรัฐสภาฯนี้ จะต้านมวลชนไพร่แดงได้มากน้อยแค่ไหน

สิ่งสำคัญต้องรอดูใครจะตกหลุมพลางใคร...!!!

ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าทั้งสองฝ่ายมีแผนหนึ่ง แผนสอง เตรียมไว้ฟาดฟันกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เว้นแต่ “นายใหญ่” มวลชนไพร่แดง จะส่งสัญญาณผ่านแกนนำห้ามนำมวลชนเคลื่อนไปปิดล้อม ออมแรงไว้รอปฏิการครั้งใหญ่ หลังวันทนายยื่นอุทรณ์คดียึดทรัพย์ตัวเอง ในวันที่ 26 มีนาคม

ซึ่งรัฐบาลประเมินล่วงหน้าเหมือนกันว่า ผลพวงการยื่นอุทรณ์ดังกล่าว จะเป็นสัญญาณการเคลื่อนไหวของมวลชนไพร่แดง ในวันที่ 27 มีนาคม ที่น่าจะแรงตามอารมณ์ของ “นายใหญ่”