“ตู่ หางแดง” โวยทหารขึงลวดหนามรอบรัฐสภาส่งสัญญาณสลายม็อบ ขู่นำไพร่แดงบุก ปฏิเสธลั่น “พายัพ” เชื่อม “นช.แม้ว” คุยรัฐบาลไม่เกี่ยวเสื้อแดง จี้รัฐบาลเร่งสอบยิงอาร์พีจีถล่มกลาโหม ปูด “สารวัตรโก้” เจ้าของรถตัวจริง มอบ “วิระยา” นำจุดเทียนชัยถวายพระพรพรุ่งนี้โชว์ความจงรักภักดี
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.หรือกลุ่มเสื้อแดง แถลงข่าวประจำช่วงเช้าวันนี้ (23 มี.ค.) ว่า ได้รับทราบมาจาก พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯว่า ไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปในสภาได้ เนื่องจากทหารที่รักษาความปลอดภัยได้นำลวดหนามมาขึงตามถนนรอบรัฐสภาทั้งหมด ซึ่งการรกระทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากช่วงเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วที่มีการปิดเส้นทางหน้ารัฐสภา จากนั้นก็มีการสลายการชุมนุม ซึ่งเรื่องนี้ตนกำลังจะหารือกันว่าหากการปิดเส้นทางดังกล่าวทำให้เกิดความขัดข้องและเป็นอุปสรรคต่อการชุมนุม อาจจะนำประชาชนมาเรียกร้องให้มีการเปิดทาง โดยในวันพรุ่งนี้ตนในฐานะ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยอาจจะเข้าไปประชุมสภาเพื่อสอบถามเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม นปช.ยังไม่มีแนวคิดว่าหากนายอภิสิทธิ์เดินทางไปประชุมสภาคนเสื้อแดงจะมีมาตรการกดดันอะไร
“มาตรการการขึงลวดหนามยังได้สร้างความลำบากกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังที่ต้องการนำรถยนต์ไปเติมน้ำมันที่สนามเสือป่า ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ไม่ทราบว่ารัฐบาลทำให้เกิดได้อย่างไร ส่วนตัวจึงคิดว่าเป็นบรรยากาศที่หนักกว่าเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ซึงคนเสื้อแดงมีข้อเรียกร้องเดียวให้ยุบสภา แต่ตอนนี้รัฐบาลกลับยึดสภาเสียเอง ซึ่งนายอภิสิทธิ์จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร ที่ปล่อยให้ทหารยึดสภาและให้นายอภิสิทธิ์เป็นหุ่นเชิด แบบนี้เป็นการบีบบังคับให้ประชาชนต่อสู้มากยิ่งขึ้น”
นายจตุพรกล่าวว่า นอกจากนี้ยังทราบว่ามีการราดน้ำมันเครื่องภายในบริเวณรัฐสภา ซึ่งเป็นการกระทำเหมือนการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ เคยกระทำมาก่อน และคนที่ทำนั้นก็เป็นคนเดียวกับทหารของกองทัพบกที่ทำในแบบเดียวกันในตอนนี้ ถ้าใครทะเล่อทะล้าทิ้งก้นบุหรี่ลงไปแล้วรัฐสภาไหม้ขึ้นมาก็ถือว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลเอง
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงออกมาระบุว่าให้ทหารสามารถพกอาวุธได้ว่า ที่ผ่านมาทหารได้พกอาวุธมาโดยตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่มีการซุกซ่อนเอาไว้ เช่น ที่วัดโสมนัสวรวิหาร ก็มีการนำอาวุธไปเก็บไว้ที่ศาลา 80 ปี เมื่อคนเสื้อแดงต้องการไปตรวจก็ไม่ให้เข้าไป อย่างไรก็ตาม หากอนาคตมีการอะไรรุนแรงขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
“แม้ว่า ศอ.รส.ออกมาระบุว่าไม่สามารถตรวจอาวุธได้ แต่ผมได้รับข้อมูลทางกฎหมายจากผู้พิพากษาศาลฎีกาคนหนึ่งว่า ประชาชนมีสิทธิในการต่อต้านอย่างสันติวิธีและป้องกันขัดขวางไม่ให้ตำรวจทหารใช้อาวุธเข้าปราบปรามประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 จึงเท่ากับว่าประชาชนสามารถป้องกัน หากเชื่อว่าอาจมีการประทุษร้ายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดข่าวลือทุกวันว่าจะมีการล้อมปราบประชาชน ถ้ารัฐบาลจะเข้ามาจับตัวแกนนำก็เชิญ แต่ขอให้มาซึ่งหน้า แต่ต้องบอกด้วยว่าแกนนำทำผิดข้อหาอะไร เพราะที่ผ่านมาคนเสื้อแดงก็ชุมนุมภายใต้มาตาการ 63 มาโดยตลอด และไม่เคยปิดล้อมสถานที่ราชการ หรือไม่ให้ข้าราชการเข้าทำงานไม่ได้ ซึ่งก็เป็นตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลปกครองทุกประการ
“คำวินิจฉัยศาลปกครองระบุไว้ว่าการสลายการชุมนุมจะต้องกระทำเท่าที่จำเป็นและเป็นไปตามหลักสากล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามอำเภอใจไม่ได้ ดังนั้น หากรัฐบาลชุดนี้สลายการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ประชาชนก็มิสิทธิที่จะต่อต้านตามแนวทางสันติวิธี หรือถ้าเราสงสัยว่า หากทหารอาจมีการใช้อาวุธเราก็มีสิทธิเข้าไปตรวจได้อีก” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเป็นตัวกลางประสานให้นายอภิสิทธิ์เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของนายพายัพ คนเสื้อแดงเรียกร้องข้อเดียวคือการยุบสภา ไม่ได้เรียกร้องเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็เข้าใจเรื่องนี้ ทั้งนี้ การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมาเจรจาด้วยตนเอง โดยคนเสื้อแดงจะมอบหมายให้นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด เป็นตัวแทนในการเจรจา และยืนยันว่าถ้ายุบสภาแล้วจะหยุดเคลื่อนไหวทันที
“การยุบสภาไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เพราะตั้งแต่มีการเปลี่ยนการปกครอง พ.ศ 2475 ก็มีการยุบสภามาแล้ว 11 ครั้ง โดยพบว่านายกฯ ที่ยุบสภามากที่สุด คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จำนวน 3 ครั้ง คือ 19 มีนานคม 2526 1 พฤษภาคม 2529 และ 29 เมษายน 2531 นอกจากนี้ นายชวน หลีกภัย 2 ครั้ง คือ 19 พฤษภาคม 2538 และ 9 พฤศจิกายน 2543 ดังนั้น คนที่ยุบสภามากที่สุดก็คือคนที่ค้ำบัลลังก์นายอภิสิทธิ์อยู่ในปัจจุบันนี้แทบทั้งสิ้น” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวถึงการณการยิงจรวดอาร์พีจีที่บริเวณกระทรวงกลาโหมว่า รัฐบาลต้องรีบสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัด เพราะตนทราบมารถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมาจากบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง โดยมีการเปลี่ยนมือมาหลายครั้ง จนมาถึงมือของนายตำรวจในนครบาลคนหนึ่งที่รู้จักกันดีในชื่อ สารวัตรโก้ที่นำรถคันนี้มาจากจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งในนครบาลไม่มีใครไม่รู้จักสารวัตรโก้ ดังนั้น รัฐบาลต้องแถลงให้ชัดมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงอยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ ในวันที่ 24 มีนาคม เวลา 20.00 น. ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล จะนำคนเสื้อแดงร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้หายจากพระอาการประชวร ซึ่งจะมีนายทหารและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย อดีตกรรมการบริการพรรคพลังประชาชนร่วมพิธี เพื่อยืนยันว่าคนเสื้อแดงมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่ได้เป็นตามที่กล่าวหาจากพรรคประชาธิปัตย์