ปชป.เชื่อ “นช.แม้ว” อยู่เบื้องหลังล้มโต๊ะเจรจา ขณะเดียวกัน ยังวิดีโอลิงก์ส่งสัญญาณไพร่แดงยกระดับการต่อสู้ให้ใช้วิธีรุนแรง หวังสร้างเงื่อนไขล้มรัฐบาล ลบความผิดให้ตัวเอง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกผิดหวังต่อท่าทีกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มเสื้อแดง ที่ได้ปฏิเสธการเริ่มต้นหารือเจรจา พรรคเข้าใจว่าการเปลี่ยนท่าทีของแกนนำ นปช.หลังจากที่คณะกรรมการสิทธิฯ ได้เคยไปพูดคุยก่อนที่จะมาหารือกับรัฐบาล เกิดจากการกำหนดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ประสงค์จะให้มีกระบวนการใดที่อยู่นอกเหนือการกำหนดทิศทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง
ทั้งนี้ พรรคถือว่าเป็นการปิดประตูทางออกให้กับประเทศจากภาวะวิกฤต ซึ่งประชาชนคนไทยส่วนใหญ่อยากจะเห็นการหันหน้าเข้ามาพูดจาหารือ ในทางกลับกันการที่มายื่นคำขาด เช่น บอกว่า หากไม่ยุบสภา หรือคนเจรจาไม่ใช่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็จะไม่ร่วมการเริ่มต้นเจราจา ถือว่าเป็นการกระทำที่จงใจไม่ให้การหาทางออกเกิดขึ้น ทั้งที่รัฐบาลได้เปิดกว้าง ไม่ว่าจะผ่านคนกลาง คือ กรรมการสิทธิฯ วุฒิสมาชิก หรือกลไกรัฐสภา และได้แสดงความจริงใจโดยการเปิดช่องทางการหารือตั้งแต่การมอบหมายให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หารือประสานกับ นพ.เหวง โตจิราการ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในทางกลับกัน พรรคมีความวิตกเป็นพิเศษ คือ แนวโน้มความเชื่อมโยงระหว่างการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ด้านหนึ่งใช้ความสันติ และอ้างคำว่าอหิงสาด้วยวาจา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งเคลื่อนไหวที่พร้อมจะก่อเหตุความวุ่นวาย และอาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้าความรุนแรงถึงขั้นการก่อวินาศกรรม โดยการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ พบว่า มีความเชื่อมโยงกับทิศทางการเคลื่อนไหวโดยรวมของแนวร่วม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีความพร้อมที่จะกระทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะสร้างเงื่อนไขในการที่จะล้มรัฐบาล และทำให้คดีต่างๆ ที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาที่เป็นเรื่องส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นอันต้องตกไป เพื่อเปิดทางให้ได้ทรัพย์กลับมาและกลับคืนมาสู่อำนาจ ซึ่งพรรคเห็นว่าสิ่งนี้คืออุปสรรคที่สำคัญ เพราะการเคลื่อนไหวเมื่อถึงที่สุดแล้ว เป้าหมายเป็นเรื่องผลประโยชน์ของคนๆ เดียว ทำให้การหารือใดๆ ที่พูดถึงประโยชน์ของส่วนเป็นที่ตั้งนั้น ไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหาส่วนตัวได้ ก็จะถูกปฏิเสธ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เสมอมา
“อยากขอถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เหตุใดจึงปฏิเสธการพูดคุยหารือ การหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งข้ออ้างและเหตุผลที่ใช้ทั้งเรื่องยุบสภา อ้างว่า มีปัญหาอยู่ที่ระบบอำมาตย์เข้าแทรกแซง หรือขบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม เหตุใดต่อมาจึงจึงอ้างคำว่าสงครามชนชั้น เพื่อที่จะขจัดปัญหาที่เกิดจากการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้เมื่อเวลาผ่านไปสังคมจะรับรู้มากขึ้น และจะทำให้เกิดการปฏิเสธแนวทางการเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ”
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค.เห็นได้ชัดว่ามีการส่งสัญญาณให้ยกระดับการชุมนุมที่เกินเลยจากสันติและอหิงสาตามกฎหมายในหลายลักษณะ เช่น การใช้คำว่าหากมีการปฏิวัติ รัฐประหาร ก็จะใช้วิธีการรุนแรง ถึงขั้นเอาประชาชนมาใช้กฎหมู่ต่อผู้กระทำการโดยการแขวนคอ หรือพูดในลักษณะยุยงให้ประชาชนไปปิดล้อมศาลากลางจังหวัดต่างๆ ซึ่งตนเข้าใจว่า อาจจะนำไปสู่การปิดล้อมสถานที่ราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภาในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้ความอดทนที่สุดในการควบคุมการชุมนุมโดยวิธีสงบ สันติ ไม่ใช้กำลัง เคารพต่อสิทธิ์ของผู้ชุมนุมทุกประการ แต่ขณะเดียวกัน หากผู้ชุมนุมยังใช้วิธีที่อยู่นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะการปิดล้อมสถานที่ราชการ พรรคขอสนับสนุนให้รัฐบาลดูแลรักษากฎหมายโดยไม่ใช้กำลัง แต่ต้องป้องกันไม่ให้มีความสูญเสียเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือการปิดกั้นไม่ให้กระบวนการบริหารราชการแผ่นดินเดินหน้าต่อไปได้ โดยยึดหลักคำวินิจฉัยศาลปกครองเป็นบรรทัดฐานในการดูแลรักษาความสงบ และการรักษากฎหมายของบ้านเมืองจากทุกฝ่าย
นพ.บุรณย์ กล่าวต่อว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิดีโอลิงก์เข้ามาถามนายอภิสิทธิ์ ว่า เรียกร้องให้คนอื่นทำตามกติกาบ้านเมือง แต่นายอภิสิทธิ์บอยคอตการเลือกตั้ง ตนขอย้อนไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่ใช่เพราะการเลือกตั้งครั้งนั้นหรือ ที่เป็นสาเหตุวิกฤตทางการเมืองมาจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ศาลวินิจฉัยว่าเป็นการเลือกตั้งที่ทุจริต โดยเครือข่ายพวกพ้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทยขณะนั้น กรณีที่มีการจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ามีการต้อสู้ทางการเมือง ทั้งที่เป็นการจ้างพรรคเล็กโดยแกนนำที่เป็นกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทยขณะนั้น จนเป็นที่มาทำให้พรรคถูกยุบในที่สุด