โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย เผยรัฐเตรียมใช้กระทรวงสาธารณสุขประชุมคณะรัฐมนตรีพรุ่งนี้ ชี้เหมาะสุดแล้ว หวังหลีกเลี่ยงปะทะม็อบ มั่นใจให้ความปลอดภัยรัฐมนตรีได้ เล็งต่ออายุ พ.ร.บ.มั่นคง โยนรัฐกำหนดใช้ถึงเมื่อใด แย้มปรับลดบางพื้นที่ สั่งทหารติดอาวุธหน่วยราชการป้องกันคนป่วน
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยว่า รัฐบาลจะใช้สถานที่ของกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี เพื่อจัดการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ โดยให้ความมั่นใจว่าจะสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยแก่คณะรัฐมนตรีได้ และเชื่อว่าได้คัดเลือกสถานที่ที่มีความเหมาะสมที่สุดแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะหรือเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุม
“เท่าที่ผมทราบจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีที่กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียมกำลัง มีทั้งเจ้าหน้าที่ทหารที่จะดูแลความปลอดภัย โดยจะวางแผนให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ลดโอกาสการเผชิญหน้า” โฆษก ศอ.รส.กล่าว
โดยก่อนหน้านี้ ศอ.รส.ได้ประเมินความเหมาะสมของสถานที่ที่จะใช้ประชุม ครม.ไว้หลายแห่ง เช่น กองบัญชาการกองทัพไทย, กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งท้ายสุดแล้ว ศอ.รส.เห็นว่าการใช้สถานที่ของกระทรวงสาธารณสุขมีความเหมาะสมมากที่สุด สำหรับการวางกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น จะวางกำลังโดยรอบกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีทั้งกำลังจากทหาร ร.11 รอ. และมีกำลังทหารจากหน่วยอื่นเข้ามาช่วยเสริมด้วย
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ศอ.รส. จะเสนอให้ครม.พิจารณาขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ออกไปจากที่กำหนดให้สิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค. เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงยังไม่ยุติลง แต่อาจจะมีการปรับลดพื้นที่บังคับใช้ลง ส่วนจะขยายไปถึงเมื่อใด ขึ้นกับการพิจารณาของรัฐบาล นอกจากนี้ ศอ.รส.ได้ปรับวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยให้กำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนสามารถติดอาวุธได้ เช่น ทหารที่ประจำการที่สถานที่ราชการ หรือในหน่วยงานทหาร เพื่อป้องกันเหตุผู้ไม่หวังดีก่อเหตุร้าย ส่วนบริเวณจุดตรวจและสายตรวจต่างๆ จะให้เฉพาะผู้บังคับหน่วยสามารถถืออาวุธได้เท่านั้น ขณะที่ระดับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่มีการติดอาวุธ
โฆษก ศอ.รส.กล่าวด้วยว่า แนวทางนี้จะสามารถใช้อาวุธตอบโต้ได้เฉพาะเกิดกรณีที่จำเป็นเท่านั้น โดยใช้เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากการคุกคามที่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้รับอนุญาตในการติดอาวุธจะมีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงไว้ชัดเจน และผู้บังคับหน่วยจะเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในแต่ละจุดนั้น
สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับแนวทางใหม่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เนื่องจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีการลอบก่อเหตุยิงระเบิดโดยมีสถานที่ราชการเป็นเป้าหมายสำคัญ เช่น กระทรวงกลาโหม และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แห่งใหม่ที่ จ.นนทบุรี ดังนั้นจึงต้องปรับแนวทางการทำงานให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น